ASEAN

ชาวเมียนมา แห่ขอวีซ่าเข้าไทยหลังรัฐบาลประกาศเกณฑ์ทหาร

ชาวเมียนมา แห่ขอวีซ่าเข้าไทยหลังรัฐบาลประกาศเกณฑ์ทหาร สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง แจง รับได้วันละ 400 คน เหตุเพื่อความปลอดภัยและมีวีซ่าผ่านบริษัทด้วย

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ออกประกาศเป็นภาษาอังกฤษและเมียนมา เกี่ยวกับแนวทางในการรับเรื่องยื่นขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง โดยการแจกบัตรคิวสำหรับผู้มาขอรับบริการวีซ่าวันละ 400 คน เนื่องจากมีจำนวนผู้มารอยื่นขอวีซ่าเป็นจำนวนมาก และต่อมา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ได้ออกประกาศเพิ่มเติมอีกเพื่อปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการ โดยการแจกบัตรคิวสำหรับการมายื่นขอวีซ่าในวันจันทร์ที่ 19 ถึงวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่ออำนวยความสะดวกและให้เกิดความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ คำนึงถึงประเด็นด้านความปลอดภัยของผู้มารอรับคิว ผู้มาใช้บริการ ที่ทำการ สอท. รวมถึง บ้านเรือน และห้างร้านบริเวณใกล้เคียงกับ สอท.ฯ เป็นสำคัญ

ทั้งนี้ในแต่ละวัน ในระยะนี้ ฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตฯ ต้องดำเนินการตรวจลงตราวีซ่า วันละประมาณ 800 – 1,000 คำขอ ซึ่งมาจากการเปิดให้มีการยื่นขอที่ที่ทำการ สอท.ฯ และมีอีกส่วนหนึ่งที่ยื่นขอผ่านบริษัทตัวแทนท้องถิ่น 22 บริษัท ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้การรับรอง โดยมีประกาศรายชื่อบริษัทล่าสุดเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2566

อย่างไรก็ตามสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ผู้ถือหนังสือเดินทางเมียนมาที่มีความประสงค์เดินทางไปพำนักที่ไทยไม่เกิน 14 วัน สามารถเดินทางไปประเทศไทยได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่า

The Reporters พบว่า มีประชาชนเมียนมา มาจับจองรอคิวเพื่อขอทำวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 67 ที่สถานทูตไทยเปิดทำการ หลังมีข่าวการประกาศเกณฑ์ทหารจากทางการเมียนมาในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทำให้ชาวเมียนมามาขอวีซ่าไทยมากยิ่งขึ้นโดยมารอคิวแรกกันตั้งแต่ช่วงกลางดึกราว 03:00 น. ของทุกวันและมีคนมาต่อคิวตลอดทั้งวันจนถึงเวลาปิดทำการในเวลาประมาณ 16:00 น.

ทั้งนี้ในสื่อสังคมออนไลน์ของชาวเมียนมามีการพูดถึง แนวทางในการไปศึกษาต่อหรือทำงานในประเทศไทยหากเกิดการบังคับเกณฑ์ทหารขึ้นในประเทศเมียนมา เนื่องจากบุคคลสัญชาติเมียนมา เพศชายตั้งแต่อายุ 18-35 ปี และ เพศหญิงอายุ 18-27 ปีที่ยังไม่สมรสหรือมีบุตร ทำให้สามารถสังเกตว่าคนส่วนมากที่มาขอวีซ่านั้น จะอยู่ในช่วงวัยดังกล่าว

สถานการณ์ที่กลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมา แห่เดินทางออกนอกประเทศ รัฐบาลเมียนมา SAC ออกประกาศให้ กม. People’s Military Service Law ซึ่งเป็น กม. สมัย State Peace and Development Council (SPDC Law No. 27/2010) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

เนื้อหาสำคัญของกฎหมายนี้กำหนดให้ชายชาวเมียนมาทุกคน ที่มีอายุ 18-35 ปี และหญิงชาวเมียนมา ทุกคนที่มีอายุ 18-27 ปี เข้ารับการเกณฑ์ทหาร เป็นเวลาไม่เกิน 24 เดือน แต่หากเมียนมาอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็สามารถขยายเวลาเป็น 5 ปีได้ และจะมีการประกาศรายละเอียดต่อไป

จนกระทั่งมีคำสั่งที่ 2 ระบุว่า กฎหมายสำรองกำลังพล (Reserved Forces Law) มีมาตั้งแต่ ปี 2553 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 กำหนดให้บุคลากรทางทหารมีหน้าที่อยู่ในกำลังพลสำรองเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี นับจากวันที่บุคคลดังกล่าวลาออกหรือเกษียณจากการเป็นทหารแล้ว

ในระหว่างอยู่ในกำลังพลสำรอง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา มีอำนาจในการเลื่อนยศ/ลดยศทางทหารให้แก่บุคคลในกำลังพลสำรอง อีกทั้งอาจมอบหมายหน้าที่ให้บุคคลอยู่ในกำลังพลสำรองนานกว่า 5 ปีได้ หากมีเหตุจำเป็นหรือเป็นไปเพื่อผลประโยชน์แห่งรัฐ

หากบุคคลฝ่าฝืน ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

Related Posts

Send this to a friend