AROUND THAILAND

สำรวจความเสียหายน้ำท่วมใหญ่เชียงราย ชาวบ้านระทม สวนส้มโอยืนต้นตายเสียหายหลายร้อยล้าน

สำรวจความเสียหายน้ำท่วมใหญ่เชียงราย ชาวบ้านระทม สวนส้มโอยืนต้นตายเสียหายหลายร้อยล้าน สิทธิพรมแดนที่ถูกมองข้าม เขื่อนในลาวกับสิ่งที่ต้องแลก

ส้มโอเวียงแก่น นับเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวบ้านที่ส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก อาทิ จีน เวียดนาม กัมพูชา และยุโรป สร้างรายได้ไม่ได้ต่ำกว่าปีละร้อยล้านบาท แต่มาวันนี้สวนส้มโอของชาวบ้านยายเหนือ ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เต็มไปด้วยดินโคลนและต่างพากันยืนต้นตาย หลังแม่น้ำงาวเอ่อเข้าท่วมมานานหลายสัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม

บุญวาท บุดดี เกษตรกรสวนส้มโอใน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย

นายบุญวาท บุดดี อายุ 65 ปี เกษตรกรสวนส้มโอใน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย พาทีมข่าว The Reporters เดินเท้าไปสำรวจความเสียหายที่สวนส้มโอของเขาที่ราบเป็นหน้ากลอง เหลือเพียงเศษซากต้นส้มโอพร้อมกับดินโคลนที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

นายบุญวาท ปลูกส้มโอมาเป็นปีที่ 4 มีทั้งหมด 8 ไร่ ปีนี้ส้มโอเริ่มติดลูกเตรียมส่งขายได้ คาดว่าขายได้ประมาณ 200,000 บาทต่อไร่ แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่น้ำท่วมไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีส้มโอก็หายไปกับสายน้ำ

ลำพังจะลงทุนทำสวนใหม่ก็มีต้นทุนสูง เฉพาะค่าต้นกล้าก็ต้นละ 50 บาท ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายการวางระบบน้ำ กว่าจะให้ผลผลิตต้องรอไปอีก 4-5 ปี จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาเยียวยาความเสียหาย และช่วยเหลือเรื่องแหล่งทุน เพราะกังวลว่าหากน้ำท่วมเช่นนี้ทุกปีก็จะยิ่งได้รับความเสียหาย

นายไผท นำชัย อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย กล่าวว่ามีสวนส้มโอที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมราว 28 ครัวเรือน ซึ่งปีนี้น้ำท่วมเป็นรอบที่ 3 แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อย 5 ปี สวนส้มโอถึงจะกลับมาเป็นสภาพเดิม ปัญหาคือขณะนี้ชาวบ้านไม่กล้าลงทุนทำการเกษตร เพราะกลัวว่าน้ำจะท่วมอีก

“นี่ขนาดยังไม่สร้างเขื่อนปากแบง น้ำยังท่วมขนาดนี้ แล้วถ้าสร้างน้ำจะท่วมขนาดไหน” เป็นสิ่งที่นายไผท ตั้งคำถาม เมื่อก่อนเคยได้ยินเรื่องเขื่อนปากแบงผ่าน ๆ แต่ไม่ได้ตระหนักถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว มาปีนี้เริ่มตื่นตัวกันมากขึ้น เนื่องจากกังวลว่าหากมีการสร้างจริง อาจส่งผลต่อปริมาณน้ำที่เท้อมายังพื้นที่ทางการเกษตรและที่อยู่อาศัย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างเขื่อนบนลำน้ำโขง และการระบายน้ำของเขื่อนในจีนส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในลุ่มน้ำโขงและลุ่มน้ำสาขาที่อาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะการสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง (Pak Beng Hydropower Project) หรือเขื่อนปากแบง ที่เมืองปากแบง แขวงอุดมไซ ทางตอนเหนือของ สปป.ลาว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแก่งผาได อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เพียง 97 กิโลเมตร

การก่อสร้างเขื่อนปากแบง อาจกลายเป็นผลกระทบข้ามพรมแดนที่รัฐไทยมองข้าม เพราะการเพิ่มขึ้นของน้ำโขงในทุก ๆ เมตรจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนจำนวนไม่น้อย ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดอาจมีบางพื้นที่ริมโขงที่ถูกน้ำท่วมไปตลอดกาล

ครูตี๋ นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ และเจ้าของรางวัล Goldman Environmental Prize 2022

ครูตี๋ นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ และเจ้าของรางวัล Goldman Environmental Prize 2022 บอกเล่าถึงสถานการณ์น้ำโขงในปัจจุบันที่ทุกอย่างกลับตาลปัตร “หน้าฝนเป็นแล้ง หน้าแล้งเป็นฝน” โดยในปีนี้สภาพภูมิอากาสเปลี่ยนไป ปริมาณฝนมีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้น้ำโขงยกระดับ

ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ไทยต้องเจอกับสภาวะที่แม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น 3 ระลอก ครั้งแรกในวันที่ 4 สิงหาคม 2567 น้ำขึ้นสูงถึง 8.8 เมตร และลดลงเหลือ 4.9 เมตร ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ครั้งที่สอง วันที่ 24 สิงหาคม 2567 เขื่อนจิ่งหงในประเทศจีน ปล่อยน้ำอยู่ที่ 2,460 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขง เพิ่มสูงขึ้น 10.60 เมตร ในวันที่ 26 สิงหาคม 2567 และครั้งที่สาม วันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 21.00 น. ระดับน้ำในแม่น้ำโขง เพิ่มสูงขึ้นถึง 12.65 เมตร

ครูตี๋ มองว่าเรื่องข้อมูลการปล่อยน้ำจากเขื่อนของจีนยังเป็นที่สับสน หากไม่มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างลุ่มน้ำจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ “ถ้าเป็นอย่างนี้ตาย” เราจึงต้องยกระดับบูรณาการจัดการน้ำในลุ่มน้ำโขง ไม่ใช่ปล่อยน้ำเพื่อผลประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในลุ่มแม่น้ำอิง และลุ่มแม่น้ำสาขา ครูตี๋ เปิดเผยว่าลุ่มน้ำอิงเคยเกิดน้ำท่วมในปี 2516 แต่ผลกระทบไม่รุนแรง เนื่องจากปัจจุบันมีการทำเกษตรทำลายหน้าดิน การบุกรุกทำสวนข้าวโพด การสร้างที่พักอาศัย และการสร้างถนนขวางแม่น้ำ ส่งผลกระทบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

การจัดการน้ำคิดแบบเดิมไม่ได้ นิยามน้ำแบบเดิม ทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว มันผิดพลาดหมด ตั้งแต่กระบวนการวางแผน การจัดการ ฟื้นฟูต้องคิดใหม่หมด ไม่ใช่เพียงแค่การบริหารจัดการในประเทศ แต่ต้องคิดบูรณการทั้งลุ่มน้ำโขง

ในฐานะภาคประชาชน เราพยายามผลักดันให้พูดคุยกับจีนให้ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องความเดือดร้อน จีนพยายามบอกว่าเราดื่มน้ำสายเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน แต่การทำเช่นนี้เราอยู่ด้วยกันได้จริงหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ รัฐไทยต้องเจรจากับทุกฝ่าย สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในลุ่มน้ำโขง

Related Posts

Send this to a friend