AROUND THAILAND

คกก.แก้ปัญหาเกาะหลีเป๊ะ มีมติเพิกถอน นส.3 เลขที่ 11 ในเดือนมีนาคมนี้

คกก.แก้ปัญหาเกาะหลีเป๊ะ มีมติลงดาบเพิกถอน นส.3 เลขที่ 11 ภายในเดือนมีนาคมนี้ ให้กรมอุทยานฯแจ้งความเป็นคดีพิเศษ เอาผิดผู้บุกรุกที่รัฐ-เจ้าหน้าที่รัฐทำงานบกพร่อง สั่ง อบต.รื้อถอนแนวรั้วเอกชนปิดทางลงหาดทันที

วันนี้ (14 มี.ค. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ครั้งที่ 2/2566 ได้รับทราบความคืบหน้าในการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพและมีมติที่ประชุม ให้ศาลสั่งกรมที่ดินรังวัดแนวเขตเอกสารสิทธิทับซ้อนทั้งหมด และพื้นที่ลำรางสาธารณะ, มีมติให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3 เลขที่ 11 ทั้งแปลง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้, ให้กรมอุทยานฯแจ้งความเป็นคดีพิเศษต่อ DSI เอาผิดผู้ชี้แนวเขตบุกรุกที่อุทยานและเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิบกพร่องทำให้เสียหาย, ให้อบต.เกาะสาหร่าย ดำเนินการรื้อถอนแนวรั้วประตูแปลงติดกับโรงเรียนที่เอกชนสร้างมาใหม่ หรือดำเนินการใดจนกว่าการแก้ไขปัญหาจะเสร็จสิ้น โดยมีรายละเอียดมติที่ประชุม ดังต่อไปนี้

1.ที่ประชุมมีมติมอบกรมอุทยานแห่งชาติฯ และจังหวัดสตูล ยื่นคำร้องต่อศาลให้สั่งกรมที่ดินออกรังวัดแนวเขตเอกสารสิทธิ์ที่ทับซ้อนทั้งหมด รวมถึงแนวเขต ลำราง ลำน้ำ ที่สาธารณะ

2.กรณี นส.3 เลขที่ 11 ซึ่งเป็นพื้นที่ปัญหาและสังคมให้ความสนใจ ที่ประชุมมีมติดังต่อไปนี้

2.1)ให้กรมที่ดินแต่งตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 เพื่อดำเนินการเพิกถอน นส.3 เลขที่ 11 ทั้งแปลง ตามกฎหมายที่ดิน ภายในเดือนมีนาคม 2566

2.2) ประธานกรรมการจะนำเรื่องนี้กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อรับทราบมติคณะกรรมการและมีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทยรับไปเร่งรัดการปฏิบัติของกรมที่ดินด้วย

2.3) ส่วนที่ดิน สค.1 แปลงอื่นที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ พบว่ามีความผิดปกติในการออกเอกสารจำนวน 40 แปลง และได้จัดทำเอกสารความผิดปกติดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 21 แปลง มอบให้คณะอนุกรรมการชุดที่ 1 (พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน กรมที่ดินเป็นฝ่ายเลขานุการ) ไปดำเนินการพิจารณา ตรวจสอบ และนำเสนอแนวทางการดำเนินการต่อคณะกรรมการในการประชุมครั้งหน้า

2.4) ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ส่งเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นคดีพิเศษ ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีข้อมูลสืบสวนและจัดเตรียมพนักงานสอบสวนไว้เรียบร้อยแล้ว ในสองกรณี ประกอบด้วย กรณีบุคคลมีเจตนาบุกรุกครอบครองเขตอุทยานแห่งชาติ โดยนำชี้แนวเขตเกินกว่าพื้นที่ในเอกสารสิทธิ และกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐออกเอกสารสิทธิในส่วนที่ได้มีการแปลภาพถ่ายเมื่อปีพ.ศ. 2493 แล้วพบว่าเป็นพื้นที่ป่าไม่มีผู้ใดใช้ประโยชน์ในพื้นที่ นส.3 เลขที่ 11 แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องส่งผลเสียหายต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและรัฐ
โดยให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งความดำเนินคดีภายในวันที่ 21 มีนาคม 2566

3.กรณีบุกรุกพื้นที่ราชพัสดุ (โรงเรียนเกาะหลีเป๊ะ และสถานีอนามัย) ที่ประชุมมีมติดังนี้

3.1) เห็นชอบการดำเนินงานของกรมธนารักษ์

3.2) ที่ดินแปลงติดกับโรงเรียนที่เอกชนมีการสร้างรั้ว สร้างประตู ให้ อบต.เกาะหลีเป๊ะ มีคำสั่งระงับการก่อสร้าง รวมถึงรื้อถอนสิ่งที่ก่อสร้างไปแล้ว และดำเนินการใด ๆ จนกว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จะเสร็จสิ้น

3.3) มอบให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลไปสืบสวนสอบสวนว่าการดำเนินงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ และรายงานผลให้ประธานทราบภายใน 7 วัน

4.ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการ จำนวน ๒ ท่าน ประกอบด้วย ดร.ณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายพลทัต สุราฤทธิ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5

5.กรณีการทำประมงในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่ประชุมมีมติมอบหมายประธานอนุกรรมการที่ 3 (พลเอก สุรินทร์ พิกุลทอง) ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ในฐานะรองประธานคณะทำงานฯ วิเคราะห์สถานการณ์การตรวจ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงและแรงงานในภาคประมง ตาม พ.ร.ก.การประมงฯ ประสานงานกับกรมประมง เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ให้เกิดความยั่งยืนบนพื้นฐานการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและนำเสนอแนวทางต่อคณะกรรมการพิจารณาต่อไป

Related Posts

Send this to a friend