‘ทนายกฤษณะ’ นํา 3 ผู้เสียหาย ร้องดีเอสไอ สอบเส้นทางการเงิน ‘แอนนา’ คาดเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
วันนี้ (29 มิ.ย. 66) นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความ ยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินและการประกอบธุรกิจของ วรินทร หรือ ‘แอนนา’ ผู้ต้องหาในคดี “ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ”
ทนายกฤษณะ กล่าวว่า ตนนําผู้เสียหายมายื่นเรื่องต่อดีเอสไอจํานวน 3 ราย เพื่อขอให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการประกอบธุรกิจของแอนนา โดยผู้เสียหายทั้ง 3 ราย มีการยื่นฟ้องต่อศาลอาญามีนบุรี 2 เคส และศาลแขวงนนทบุรี 1 เคส รวมมูลค่าประมาณ 3.1 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมสิ่งของ เช่น ทองคํา หนัก 130 บาท ตีเป็นเงินสดประมาณ 4 ล้านบาท เบื้องต้นประสานไปยังแอนนาเพื่อพูดคุยหาทางออกร่วมกัน แต่แอนนาพยายามบ่ายเบี่ยงและยืดเวลาออกไปตลอด จนต้องมายื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อดีเอสไอ
ผู้เสียหาย ระบุว่า วันที่แอนนาเข้าพบตํารวจ สอท. ตนเองไปร่วมให้กําลังใจ และพูดคุย โดยแอนนาบอกว่าจะขอเคลียร์ในส่วนคดีของทางตํารวจให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็บอกว่าจะดําเนินการส่งของให้ แต่ก็เงียบ และล่าสุดเมื่อ 18 มิ.ย. 66 แอนนาบอกจะเคลียร์ให้ จนถึงตอนนี้ก็ยังเงียบ และไม่สามารถติดต่อได้
ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ตนและผู้เสียหายอีก 2 ราย ตัดสินใจมายื่นเรื่องต่อดีเอสไอ เนื่องจากแอนนาระบุว่า ใครที่แจ้งดําเนินคดี จะส่งทนายไปขอเลื่อนนัดไต่สวนออกไป 1 เดือน ซึ่งการกระทําเช่นนี้เปรียบเสมือนการประวิงเวลา ไม่เป็นธรรม ทั้งที่เป็นเงินของเรา ส่วนเรื่องทองคําหายนั้น พวกตนเพิ่งทราบวันที่แอนนาแถลงต่อหน้าสื่อที่ บก.สอท.1 ส่วนจะหายจริงหรือไม่ ไม่ขอกล่าวถึง
ผู้เสียหาย ยืนยันด้วยว่า สั่งซื้อทองโดยตรง เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มวีไอพีได้รับสินค้าและเงินคืนแล้ว แต่พวกตนซึ่งเป็นลูกค้าธรรมดากลับถูกบ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้ ตนจะร้องขอตรวจสอบไปยังกรมการปกครองเรื่องใบอนุญาตกล่องสุ่ม รวมถึงการโฆษณาว่าขายกล่องทองได้สิทธิไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ไป เข้าข่ายความผิดใดเพิ่มเติมหรือไม่ ตนซื้อกล่องสั่ง ไม่ใช่กล่องสุ่ม และการจับชนยอดแบบนี้ แสดงว่าจะทําแชร์ลูกโซ่ตั้งแต่แรกใช่หรือไม่
ทนายกฤษณะ เปิดเผยภายหลังยื่นเรื่องต่อดีเอสไอว่า เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องแล้ว จะมีการเสนอเข้าที่ประชุม และรอให้อธิบดีสั่งดําเนินการ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน ส่วนจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น อยู่ที่พนักงานสอบสวนจะพิจารณา
