POLITICS

นายกฯ เซ็นย้าย ‘อธิบดีกรมอุทยาน’ ช่วยราชการทำเนียบแล้ว หวั่นกระทบการสอบสวน

‘วิษณุ’ บอก นายกฯ เซ็นคำสั่ง โยก ‘อธิบดีกรมอุทยานฯ’ ช่วยราชการทำเนียบแล้ว หวั่นกระทบการสอบสวน – ปมร้อน ครม. ตั้งอธิบดีกรมฝนหลวงถูกค้านเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ 3 ป.ตีกัน

วันนี้ (28 ธ.ค. 65) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาการตั้งอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ ว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการประชุมที่จะมีการทักท้วง รวมไปถึงมีการตั้งข้อสังเกตซึ่งก็เคยเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตถึงรายชื่อหนึ่งที่มีการนำเสนอมา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ ผู้เป็นเจ้าของเรื่องไม่ได้เข้าร่วมการประชุม มาเพียง นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญขา ซึ่งมีสิทธิที่จะทักท้วงเป็นธรรมดา เพื่อที่จะไปหารือกับรัฐมนตรีต่อไป พร้อมย้ำว่าเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อถามถึงอำนาจในการแต่งตั้งเป็นของใคร นายวิษณุอธิบายว่าปกติเป็นของรัฐมนตรีว่าการฯ เพราะเมื่อมีการตั้งรัฐมนตรีช่วยจะมีการแบ่งงานให้ทำ แต่จะยกเว้นเรื่องการบริหารงานบุคคล

เช่นเดียวกับนายกรัฐมตรี ที่งดเว้นการบริหารงานบุคคลเมื่อมอบหมายงานให้กับรัฐมนตรี ทุกอย่างก็จะกลับขึ้นไปที่นายกรัฐมนตรีฉันใด รัฐมนตรีว่าการมอบงานให้รัฐมนตรีช่วยอำนาจก็จะกลับไปที่รัฐมนตรีว่าการฯ ฉันนั้น ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการฯ เป็นผู้ลงนามและส่งเรื่องเข้ามาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จึงต้องยึดถือตามนั้น เว้นแต่เปลี่ยนใจขอดึงกลับ แต่บังเอิญรัฐมนตรีว่าการฯ ไม่มาและติดต่อไม่ได้ จึงเกิดความลังเลว่าจะทำอย่างไร

เมื่อที่ประชุมเหลือเพียงนายสุนทรมาเพียงคนเดียวแล้วทักท้วง ครม.ก็จะต้องรับฟัง แต่จะตัดสินใจเด็ดขาดเอาตามท่านคงไม่ได้ ครม.มีอำนาจให้ดึงกลับเพียงบางรายได้แต่ไม่มีอำนาจเปลี่ยนตัวบุคคล เนื่องจากต้องตั้งต้นจากกระทรวงขึ้นมา พร้อมกับระบุอีกว่าการแต่งตั้งข้าราชการที่เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการในกระทรวงมีอยู่เพียงหนึ่งเดียว คือปลัดกระทรวง

ส่วนตำแหน่งอธิบดีปลัดกระทรวงจะเป็นคนตั้ง ตามกระบวนการ แต่ขณะนี้ได้ชะลอเอาไว้ก่อนเพื่อความชัดเจน ซึ่งจะกลับมาหารืออีกครั้งในการประชุม ครม.ครั้งหน้าวันที่ 3 มกราคม 2566 ก่อนจะย้ำว่าการทักท้วงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด ไม่ใช่เรื่อง 3 ป.ตีกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย เว้นแต่รัฐมนตรีว่าการยืนยันตามหนังสือที่ส่งมาก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาหารือในที่ประชุม ครม.อีกครั้ง

ขณะที่การจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายวิษณุกล่าวว่าเมื่อมีการแจ้งเบาะแสต่อ ป.ป.ช. และ ปปช.ได้รายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ปปง. ปปท. และศอตช. นำไปสู่การจับกุมหลักฐานไม่ไส่มารถพูดได้ว่า 100% ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้ลงนามให้เอาตัวมาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนเพื่อไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดี และให้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ทำงานอย่างสะดวก เรียบร้อย ไม่มีข้อครหา โดยคำสั่งมีผลตั้งแต่วันนี้

ส่วนจะถึงขั้นให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่นั้น นายวิษณุระบุว่าการจะปลดออก ไล่ออกต้องดำเนินการสอบทางวินัย และมีข้อมูลชัดเจนมากกว่านี้ แต่ขณะนี้เป็นการเอาตัวออกมาก่อน ถือเป็นการลงโทษไปแล้ว 50%

ขณะที่ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจจนเสียชีวิต นายวิษณุบอกว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและยาวนาน ซึ่งเป็นกระทู้ถามของ ส.ส.พรรคก้าวไกลอยู่หลายครั้ง ซึ่งรายงานสุดท้ายที่รัฐบาลได้รับคืออดีตรองอัยการสูงสุดถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว แต่เป็นการได้บำเหน็จบำนาญ

ขณะเดียวกันก็มีการลงโทษอัยการอีกคน จึงให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้ารวมถึงตำรวจที่ติดตามคดีนี้ โดยนายวิษณุยอมรับว่ามีหลายคดีที่หมดอายุความแต่เป็นคดีเล็กๆ แต่คดีประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายยังไม่หมดอายุความ ยังอีกยาว ส่วนจะสามารถเอาตัวกลับมาได้หรือไม่ ตนไม่ทราบแต่คงต้องปรากฏตัวสักวัน จะดำดินอยู่ได้อย่างไร เมื่อเปลี่ยนสมัย ผบ.ตร.ครั้งหนึ่งก็ต้องเตือนกันครั้งหนึ่ง

Related Posts

Send this to a friend