‘อนุทิน’ นำแถลงนโยบาย ‘ภูมิใจไทย’ ชี้พรรคมีประสบการณ์ครบถ้วนทุกรูปแบบ
ลั่น “ไม่ใช่เด็กละอ่อนอีกต่อไป” ยกเป็นพรรคที่พร้อมสูงสุดในการดูแล ปชช. โวเลือกตั้งมา 3 ครั้ง พรรคมีแต่โตขึ้น อ้อนขอประชาชนอย่าทำกราฟตก ชูนโยบายทหารอาสา 1 แสนคน เงินเดือน 1.2 หมื่น เพิ่มความเข้มแข็งปกป้องอธิปไตย ประกาศหากเป็นรัฐบาลต่อ ได้ ‘เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์’ เป็นรองนายกฯ ส่วนแคนดิเดตไม่สำคัญ “เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรี”
วันนี้ (24 ธ.ค. 68) เวลา 10.25 น. ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวแถลงนโยบายสำหรับการเลือกตั้งปี 2569 ของพรรคภูมิใจไทย ภายใต้สโลแกน “พูดแล้วทำพลัส” ว่า วันนี้มาเร็วกว่าที่คาดคิด ก่อนหน้านี้ตนมีความกังวลระดับหนึ่ง แต่วันนี้ความกังวลเปลี่ยนแปลงเป็นความมั่นใจ และวันนี้พรรคมีความมั่นใจ มีความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งเพื่อรับใช้ประเทศและประชาชน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุดตั้งแต่มีพรรคภูมิใจไทยมา เพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเรารู้สึกได้ว่า ประชาชนชาวไทยตั้งความคาดหวังไว้สูงกับการทำงานของพรรค เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความพร้อมสูงสุดในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านบุคลากร นโยบาย และยุทธศาสตร์ ที่ต้องยกระดับเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของสโลแกน “ภูมิใจไทยพูดแล้วทำพลัส” โดยพรรคภูมิใจไทยในวันนี้มีประสบการณ์ครบถ้วนทุกรูปแบบ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ไม่ใช่เด็กละอ่อนอีกต่อไป เราผ่านประสบการณ์บริหารทุกด้านมาแล้ว เราสามารถทำให้ประเทศไทยมีที่ยืนทุกมิติบนเวทีโลก
พรรคภูมิใจไทยกล้าเสนอคำว่า “พูดแล้วทำพลัส” เพราะวันนี้พรรคมีความพร้อมสูงสุดทุกด้าน จึงสามารถพูดสิ่งที่ใหญ่กว่าเดิม ครบกว่าเดิม ทำได้จริง และทำได้เลย ด้วยศักยภาพของบุคลากรวันนี้ที่มาอยู่กับพรรค นอกจากนี้ พรรคเคยผ่านงานท่ามกลางภาวะวิกฤตครบทั้งภัยพิบัติ โรคระบาด ความมั่นคงชายแดน ตนอยู่กับพรรคมานาน 10 กว่าปี เห็นมาตลอดว่าสมัยก่อนเรายังขาดอะไร แต่วันนี้มั่นใจแล้วว่าพรรคเติมเต็มส่วนที่ขาดทุกมิติเรียบร้อย
สำหรับสมาชิกใหม่ที่มาร่วมงานกับพรรค พรรคภูมิใจไทยผ่านการเลือกตั้งมา 3 ครั้ง ทุกครั้งพรรคเติบโตขึ้นเสมอไม่เคยเล็กลง และในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงกราบขอโอกาสประชาชนอย่าทำให้กราฟพรรคภูมิใจไทยตกต่ำ แต่ขอให้พุ่งขึ้นเต็มที่ เพื่อสร้างความเจริญให้ประเทศได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ วันนี้พรรคมีความพร้อมสูงสุดในการตั้งใจรับใช้ประชาชน ไม่ใช่แค่ความสามารถในการทำงาน แต่เรามีความสามารถในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างมีเอกภาพ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับข้าราชการ กองทัพ ทุกภาคส่วนของสังคม ทุกคนคงเห็นแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยมีแต่คนทุ่มเททำงานไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย เราคัดสรรคนที่ทำงานเป็นมาทำงานให้ประชาชนเต็มที่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเต็มไปด้วยคลังของคนทำงาน
ส่วนภัยของประเทศในวันนี้ หลัก ๆ มี 4 ด้าน ที่เป็นภัยคุกคามประเทศทั้งเศรษฐกิจ สังคม ภัยพิบัติ และภัยความมั่นคง คนไทยในปัจจุบันเกิดความกลัวสารพัด แต่สิ่งที่ตนไม่อยากให้คนไทยต้องกังวลเลย คืออย่ากลัวเสียอธิปไตยของประเทศ พรรคภูมิใจไทยจะทำให้ความหวาดระแวง ความกลัวของท่าน เปลี่ยนมาเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง และเชื่อมั่น
นายอนุทิน ระบุต่อว่า ภัยความมั่นคง ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย ทำงานอย่างหนักในการแก้ปัญหาชายแดน ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนโดยเฉพาะกองทัพที่ให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ ทำให้ประเทศปลอดจากภัยคุกคาม เสริมสร้างศักยภาพกองทัพให้เข้มแข็ง เราต้องทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยำเกรงของคนที่ประสงค์ร้ายต่อประเทศ เราจะทำต่อไปให้มีความแข็งแกร่งมั่นคงยิ่งขึ้น คนที่คิดว่าจะทำอะไรประเทศไทยหรือเราต้องยอมทุกอย่าง ต้องกลับไปพลิกตำราใหม่ เพราะต่อจากนี้ไทยจะมีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง พรรคสร้างรั้วแน่นอน แต่เป็นรั้วของชาติ สร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตประชาชนทุกคน เราจะสร้างรั้วของชาติที่ป้องกันภัยทุกมิติ ทั้งทางการทหาร ภัยสงคราม ภัยยาเสพติด ภัยการลักลอบขนของเถื่อน การลักลอบนำเข้าพืชผลทางการเกษตร และแรงงานเถื่อน นอกจากนี้ เราจะสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศสามารถป้องกันอาชญากรรมต่าง ๆ ได้ทั้งสแกมเมอร์ การพนัน ทุนเทา เพื่อให้ประชาชนจำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เอาเรื่องพวกนี้ไม่เอาสีเทาทั้งหมด เราจะสร้างรั้วปกป้องประเทศจากสิ่งเหล่านี้
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า พรรคภูมิใจไทยจะเปิดโอกาสทหารอาสาเพื่อรับใช้ชาติอย่างสมัครใจ และมีอนาคต เราจะเปลี่ยนคำว่าทหารเกณฑ์เป็นคำว่าทหารอาสา เพื่อจะได้มีทหารที่ตั้งใจเต็มใจเข้ามาปกป้องอธิปไตยดินแดนของเรา โดยจะเปิดรับสมัครทหารอาสา 1 แสนคน ให้พวกเขาได้รับราชการเป็นทหาร 4 ปี เงินเดือน 12,000 บาท จะทำให้ประเทศมีกำลังพลที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องแผ่นดิน
ส่วนด้านเศรษฐกิจ 2-3 เดือน ที่ผ่านมาเรามีนโยบาย “Quick Big Win” มาให้ประชาชน ทำโครงการคนละครึ่งพลัส ที่ยังติดประชาชนอยู่คนละ 2,400 บาท ขอให้ตนได้มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ให้ แน่นอนว่าโครงการนี้จะกลับมาแบบไม่ธรรมดา เพราะมีคำว่าพลัสกลับไปด้วย รวมถึงจะทำให้สินค้าที่ประทับตราเมดอินไทยแลนด์ เป็นสินค้าที่ทรงพลังที่ทั่วโลกต้องการ และที่ผ่านมาเราทำให้เห็นแล้วว่า เราเป็นฝ่ายตรงข้ามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้ค้ายาเสพติด ปราบสแกมเมอร์ เพื่อดูแลประชาชนไม่ใช่แค่คนไทย เพราะเรื่องนี้เป็นภัยคุกคามทั่วโลก 3 เดือนที่ผ่านมา เราได้แสดงผลงานได้เป็นที่ประจักษ์ เศรษฐกิจดีขึ้น ราคาข้าว มันสำปะหลัง มีราคาสูงขึ้น เราได้นำประเทศไทยกลับคืนสู่เวทีโลก รักษาเกียรติภูมิของประเทศ ถ้าประชาชนให้โอกาส ให้เวลามากกว่านี้พรรคภูมิใจไทยจะทำได้ดีกว่านี้
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ถ้าพี่น้องประชาชนให้โอกาส ให้เวลาพรรคภูมิใจไทยมากกว่านี้ จะต้องทำได้ดีมากกว่านี้ และขอพิสูจน์ว่าพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะตน เมื่อไปที่ไหน อยู่ที่ไหน หูของตนได้ยินเสียงของประชาชนเสมอ ดังนั้นเลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมา เพราะถ้าท่านเลือกกลับมา ท่านได้ตนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
“ถ้าท่านเลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมา ผมจะให้คุณสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีประเทศไทยของเราต่อไป ถ้าพี่น้องประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมาอีกครั้ง คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ จะไม่เป็นเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพราะเขาจะต้องเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการค้าของประเทศไทยด้วย ยังไม่พอ เพราะพี่น้องประชาชนชาวไทย กระซิบดัง ๆ ให้ผมได้ยินทุกวันว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ จะยังคงเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เราแยกเนื้องานออก นางศุภจีก็จะดูแลเรื่องการค้า การพาณิชย์ เรื่องไทยแลนด์พลัส การนำสินค้าไทยไปเปิดตลาดทั่วโลก เรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่ว่ามีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจมี 2 คน โดยนายเอกนิติ จะมาคุมเรื่องการคลังของแผ่นดิน วินัยการเงินการคลัง นโยบายทางเศรษฐกิจ และงบประมาณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยมีมาก่อน แต่วันนี้มีแล้ว จึงพูดว่า “พูดแล้วทำพลัส” เพราะเราจะครอบคลุมทุกมิติให้ท่าน
“ถ้าทำแล้วพูดไม่ได้ เราไม่พูดครับ เพราะพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำเสมอ แต่แต่ก่อนได้แค่พูดแล้วทำ เพราะยังมีข้อจำกัด วันนี้ไม่มีข้อจำกัดแล้ว พรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำพลัส เพราะนอกเหนือจาก 3 ท่าน บุคลากรของพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ ผมไปเชิญมาหมดแล้ว จึงอยากให้ประชาชนทางบ้านได้เห็นความพร้อมของพรรคภูมิใจไทย มีความรู้ความสามารถ ความทุ่มเท อยู่ในห้องนี้มาหมดแล้ว” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า วันนี้ผมได้ไปขอให้พวกท่านมาทำงานกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เพื่อพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เพื่อสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เพื่อตน แต่เพื่อพี่น้องประชาชน และประเทศไทยที่เป็นสุดที่รักของเรา และเป็นเจ้านายของเรา ดังนั้น ตนขอย้ำว่า 3 ท่านนั้นมาแน่ คนจะถามว่าเขาไม่มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือ ซึ่งไม่สำคัญเพราะตนเป็นนายกรัฐมนตรี และทั้ง 3 ท่านอาจจะยังไม่ชิน แต่เดี๋ยวก็ชิน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เที่ยวนี้ขอให้ท่านได้ทำในสิ่งที่สบายใจ ท่านจะได้กลั่นผลงานที่พี่น้องประชาชนประทับใจ มาให้กับประเทศ และประชาชนได้เยอะ “ไม่มีความกังวล ไม่มีเอ๊ะ ไม่มีเห้ย มีแต่คำว่า สู้” เมื่อได้สั่งสมประสบการณ์ในสักระยะหนึ่ง โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ และวันนั้นเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของเรา และเราจะมองเขาเป็นคนนอกไม่ได้ เพราะยังไม่ชินระบบการเมือง แต่ในการทำงานเขาเป็นคนใน เขาคือเพื่อนร่วมงานของเรา และตนให้คำยืนยันว่า เราจะทำได้ดีกว่า ยิ่งใหญ่กว่า สำเร็จกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา












