POLITICS

ครม. อนุมัติเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ ปภ. ขึ้นทะเบียนที่ศูนย์อพยพ

ครม. อนุมัติเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ ปภ. ขึ้นทะเบียนที่ศูนย์อพยพ ไม่ต้องทำตามระเบียบราชการ-ไม่ต้องทำประชาคม ย้ำ ให้กำนัน หรือผู้ใหญ่รับรองพอ กระจายงบ กกต. จัดเลือกตั้งเกือบ 9 พันล้าน เพิ่มงบกลาโหม 5,050 ล้านบาท เล็งปูนบำเหน็จทหารสู้รบชายแดน

วันนี้ (23 ธ.ค. 68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้ข้อสังเกตว่าแต่ละศูนย์พักพิงฯ มีประชาชนอยู่อาศัย โดยให้ ปภ. นำข้อมูลผู้อพยพมาขึ้นทะเบียนได้ โดยไม่ต้องทำเอกสารตามระเบียบให้เกิดความซ้ำซ้อน เพื่อให้ง่ายต่อการเยียวยา

ด้านกระทรวงกลาโหม จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาวันที่ 24 ธันวาคมเป็นต้นไป โดยไทยยังคงยึดถือแนวทาง คือ กัมพูชาจะต้องแสดงความเสียใจ ขอโทษ กับสิ่งที่กัมพูชาดำเนินการไป หากจะกลับไปสู่ปฏิญญามาเลเซียต้องเป็นเรื่องของการมาคุยกัน จุดที่ต้องถอนกำลังมาใหม่ และยังไม่ชัดเจนว่า 24 ธันวาคมจะจบหรือไม่ เพราะความเห็นของไทยและกัมพูชาไม่ตรงกัน

นายกฯ ยังพูดถึงการบรรจุทายาทของกำลังพลที่เสียชีวิตให้เข้ามารับราชการ โดยให้สำนักงาน กพ. ร่วมกับ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาปรับระเบียบต่าง ๆ ให้ยืดหยุ่น เพื่อบรรจุทายาทของข้าราชการกำลังพลที่เสียชีวิตให้สามารถรับราชการได้

ที่ประชุม ครม. ยังอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 สำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน ค่าใช้จ่ายโครงการรถตรวจสอบยานพาหนะด้วยระบบเอ็กซเรย์ แบบส่องผ่าน และแบบสะท้อนกลับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 คัน ขณะนี้มีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในภาคเหนือจำนวนมาก ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งว่าอุปกรณ์ในการตรวจสอบมีไม่เพียงพอ จึงขอรับการสนับสนุน 846 ล้านบาท

ที่ประชุม ครม. ยังอนุมัติงบกลาง เพื่อใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สส. และการออกเสียงประชามติในวันเดียวกัน โดยเป็นงบสำหรับการเลือกตั้ง 6,750 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายสำหรับการออกเสียงประชามติ 525 ล้านบาท พร้อมค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าหน้าที่ 1,700 ล้านบาท รวม 8,978 ล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนงบกลางสำหรับกองทัพบกในการจัดหายุทธภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพของกำลังพลอีก 206 ล้านบาท รายละเอียดอยู่ในชั้นความลับ ขณะเดียวกัน ยังเห็นชอบงบกลางเพื่อสนับสนุนกระทรวงกลาโหม ผ่านกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เพิ่มอีก 5,050 ล้านบาท รายละเอียดอยู่ในชั้นความลับเช่นกัน

สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขอมติ ครม. ทบทวนมติ ครม. เมื่อ 5 สิงหาคม 2568 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ผู้ที่ประสบเหตุหลังจากนั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ ดังนั้น สมช. จึงขอปรับมติ ครม.ใหม่ โดยใช้กรอบวงเงินเดิมจากวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ไปจนกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยหลักเกณฑ์การเยียวยาเป็นเช่นเดิมทุกประการ

ปภ. ได้ขออนุมัติ ครม. ปรับปรุงระเบียบการดำเนินการของประชาชนที่ลงทะเบียน เพื่อขอรับเงินเยียวยา เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินการของประชาชน จากเดิมที่จะลงทะเบียนเป็นผู้อพยพต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ที่ประสบภัย เปลี่ยนเป็นต้องได้รับการรับรองว่าเป็นผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดจากผู้นำชุมชน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน คนใดคนหนึ่งเป็นผู้รับรอง (ไม่ต้องทำประชาคม)

อย่างไรก็ตาม หลังจบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีการปูนบำเหน็จให้กับทหารแนวหน้าแน่นอน สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือการสนับสนุนตามคำขอของฝ่ายความมั่นคงที่จะสามารถดำเนินการได้ ย้ำว่า การปูนบำเหน็จ กำลังพล และข้าราชการพลเรือน จะพูดคุยในโอกาสต่อไป

Related Posts

Send this to a friend