‘กัณวีร์’ เผย พรรคพลวัต พร้อม ส่งผู้สมัครลง 25 จังหวัดกว่า 90 เขต หวังปักธง กทม. และปริมณฑล
‘พรรคพลวัต’ จัดงานปฐมนิเทศให้ความรู้กฎหมายเลือกตั้ง ด้าน ‘กัณวีร์’ เผย มีความพร้อม ส่งผู้สมัครลง 25 จังหวัดกว่า 90 เขต หวังปักธง กทม. และปริมณฑล ชู 6 เสาหลักด้านมนุษยชน ชี้ เป็นพรรคที่มีฐานจากนักปฏิบัติ
วันนี้ (23 ธ.ค. 68) พรรคพลวัต นำโดยนายกัณวีร์ สืบแสง หัวหน้าพรรค, นายสุรพันธ์ ไวยากรณ์ รองหัวหน้าพรรค, นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล และคณะ เปิดโครงการปฐมนิเทศ และให้ความรู้ด้านกฎหมายเลือกตั้ง แก่สมาชิก และผู้ประสงค์ลงสมัคร สส. ของพรรค

นายกัณวีร์ กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้ง ว่า พรรคพลวัตเกิดมาใหม่ ใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ในการเตรียมความพร้อม จัดตั้งพรรค มีสมาชิกพรรคเพิ่มเติม และผู้ประสงค์ ลงสมัคร สส. ย้ำว่า เรามีความพร้อมทั้งฝ่ายบริหาร มีแบบบัญชีรายชื่อ และลงสมัครในระบบเขตด้วย 100% ในการเดินหน้าต่อไป
ส่วนการส่งผู้สมัครนั้น นายสุรพันธ์ ระบุว่า เราส่งผู้สมัคร 25 จังหวัด คัดเลือกกันอย่างเข้มข้น ทั้งหมด 90 เขตทั้งประเทศ แบ่งเป็น กทม. ส่ง 28 เขต และนนทบุรีเกือบครบทุกเขต และอื่น ๆ กระจาย ทั้งพิษณุโลก นราธิวาส ปัตตานี รวมถึงจังหวัดตามแนวชายแดน เป็นพื้นที่เป้าหมายเราด้วย ขณะที่การส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อมี 24 รายชื่อ และลำดับคณะกรรมการบริหารพรรคจะจัดสรรอีกที และจะส่งผู้สมัครให้เพียงพอต่อการเสนอชื่อในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย เรามีการเตรียมตัวน้อย แต่จาก 90 เขต ก็มีโอกาส อย่างใน กทม. และนนทบุรีซึ่งเป็นพื้นที่เก่าของตนเองด้วย อย่างไรก็ตามคิดว่าเราต้องปักหมุดให้ได้ และในพื้นที่ปริมณฑล และชายแดนด้วย เรามีความตั้งใจที่จะทำให้เต็มที่
นายกัณวีร์ กล่าวถึงนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ว่า พรรคเรายืนอยู่บนหลักการของระบอบสังคมนิยมประชาธิปไตย เชื่อมั่นว่าทุกพรรคการเมือง มีจุดยืนเดียวกัน ทั้งการกระจายทุนให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าการกระจายทุน กระจุกตัวอยู่ที่ผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยเท่านั้น ก็มีการพูดถึงเรื่องรัฐสวัสดิการ ซึ่งจะพูดถึงแค่การใช้งบประมาณ แต่ไม่เคยพูดถึงการหารายได้ พรรคพลวัตจะพูดถึงเรื่องการกระจายทุนให้ถึงคนทั้งประเทศ และสิ่งที่ต่างจากพรรคอื่น คือเรามีตาข่ายรองรับกลุ่มคนเปราะบาง และคนที่หลุดพ้นจากการกระจายอำนาจ และรัฐสวัสดิการ คือเรื่องสิทธิมนุษยนชน เราจะโอบอุ้มคนทั่วไปที่ไม่ได้รับการดูแล ทำให้เราผลิตความคิด 6 เสาหลักเรื่องสิทธิ 5 หมวด 23 นโยบาย โดย 6 เสาหลัก มีดังนี้
1.การอยู่รอดอย่างมีศักดิ์ศรี คือมุ่งเน้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นปัญหามาอย่างยาวนาน
2.สิทธิเพื่ออนาคต เรื่องการศึกษา ฯลฯ
3.สิทธิแรงงาน คนทำงาน โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่เรามีเยอะมาก โครงสร้างของสหภาพแรงงาน
4.สิทธิการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ทำให้คนพื้นฐาน หรือฐานรากเข้าถึง และยืนได้ด้วยขาของตัวเอง
5.สิทธิของคนในบั้นปลายชีวิต ของผู้สูงอายุ
6.สิทธิเรื่องความปลอดภัย และศักดิ์ศรีของคนไทย ผลกระทบข้ามชาติ จะทำอย่างไรให้ไทยเข้าไปอยู่ในเวทีโลกได้อย่างผ่าเผย
ดังนั้น 6 เสาหลักนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้พรรคพลวัตผลิตนโยบายออกมาทั้ง 23 นโยบาย ที่จะเข้าไปเสนอแนวคิดให้ประชาชนและประเทศไทยว่าจะเข้าไปโอบอุ้ม ดูแลคนเปราะบางที่รัฐเพิกเฉย เรามีความแตกต่างเรื่องการเข้าถึงอย่างมีความหมาย เข้าถึงโอกาสและสิทธิ ความเท่าเทียม และหลักประกัน สิทธิต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องร้องขอ หรือรออีกต่อไป

เรื่องชายแดนเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของพรรคเรา โดยเห็นผลกระทบข้ามแดนจากเพื่อนบ้านมาถึงไทย ได้รับผลกระทบมาก ปัจจุบันเรายังมีปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา จะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ให้สงบมากกว่านี้ ต้องมองถึงสันติภาพ รักษาอธิปไตย เราจะเสนอการแก้ไขปัญหาทั้งฝั่งกัมพูชา และเมียนมา ทั้งนี้ ชายแดนใต้สันติภาพยังไม่เกิด รัฐบาลที่ผ่านมา ตนเองยังไม่เห็นถึงความตั้งใจจริง หรือเจตจำนงของรัฐบาลชุดไหนเลย ในการนำสันติภาพให้เกิดขึ้นในชานแดนใต้ เราขออาสาลงไปเสนอแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน การแก้ไขปัญหาวารปนเปื้อนในแม่น้ำ ตามชายแดนเมียนมา ซึ่งจะใช้การเสนอการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนเป็นหนึ่งนโยบายหลักของเราด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองดูนโยบายเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เราเห็นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจชุมชน มันมีวิธีการที่เราจะลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะทาง เราจะเพิ่มการอัพสกิล รีสกิล ก่อนหน้าที่กวาดทั่ว วิธีการจัดหารโลกอนาคต ไปเพิ่มหากลุ่มลูกค้าทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น และในอนาคตฟรีแลนซ์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากการส่งเสริมแล้ว จะเพิ่มสิทธิอื่น เช่น กฎหมายแรงงาน สวัสดิภาพ วิธีการบริการเพื่อให้มีอำนาจในการต่อรอง ทั้งแพลตฟอร์มใหญ่ และเจ้าของพื้นที่ ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนการเข้าถึงพื้นที่เราไม่กังวล เพราะเรามี 25 จังหวัดที่เรามีตัวแทนเข้าไป เดินทุกพื้นที่ และใช้เวลาที่มีลุยทุกพื้นที่ ไม่มีข้อกังวลจะทำให้เต็มที่
ส่วนข้อกังวลเรื่องความสับสนกับพรรคเก่า นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า พรรคเก่า ตนเองทำงานภาพใหญ่ แต่ประสบการณ์ทำงานมากว่า 20 ปี เราทำมาแล้วมันประสบความสำเร็จ ในฐานะนักการเมือง เราต้องการผลที่มันสำเร็จออกมา ไม่ใช่แค่นโยบายที่พูดไปเรื่อย ๆ ดังนั้น งานในครั้งนี้จะโฟกัสมากขึ้น ที่ผ่านมามันลอย ๆ แต่สิ่งที่ตนเองเข้าไปในสภาแล้ว ต้องทำให้สัมฤทธิ์ผล ไม่สามารถพูดคำใหญ่ ๆ กลม ๆ แต่ต้องทำให้มันตอบโจทย์ได้ในแต่ละพื้นที่ โดยพรรคพลวัต มีพื้นมาจากนักปฏิบัติ ไม่ใช่แค่ทฤษฎี สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติ และรายละเอียดต่าง ๆ จะทำให้ภาพเก่า ๆ ที่คนเห็นเปลี่ยนแปลง
นายสุรพันธ์ กล่าวว่า ขณะที่ในพื้นที่นนทบุรี ใส่เสื้อพรรคไปคนก็จำได้ การแข่งขันเราเต็มที่ แต่แข่งกับพรรคไหน ปัจจุบันเราเห็นอยู่แล้วว่ามีหลายพรรค แต่กว่า 40% ประชาชนบังไม่ได้ตัดสินใจ พรรคเราตะเป็นทางเลือกของคนกลุ่มนั้น เราเป็นทางเลือกให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ และคิดว่าคงไม่ได้ไปแย่งฐานเสียงเดิม หรือแย่งชิงกับใคร และพรรคไหนเป็นพิเศษ เราเน้นคนที่ยังไม่ตัดสินใจ
นายกัณวีร์ กล่าวเสริมว่า เราเป็นพรรคของนักปฏิบัติจริง ๆ เฟ้นหาคนเข้ามาเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าไปเสนอกฎหมายเพื่ออุดรอยรั่วในทางปฏิบัติ













