‘อภิสิทธิ์’ ยัน ปชป. พร้อมเลือกตั้ง จี้รัฐบาลรักษาการเร่งสานภารกิจ ชายแดน-น้ำท่วม
‘อภิสิทธิ์’ ยัน ประชาธิปัตย์ พร้อมลงสนามเลือกตั้ง จี้รัฐบาลรักษาการ เร่งสานภารกิจ ‘ชายแดน-น้ำท่วม’ สับสนหลังฝ่ายต้องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่กลับเลือกเส้นทางให้จบลง มอง ไม่มีเหตุให้รัฐบาลรักษาการลากยาวได้ ชี้ ได้แค่ตามที่กฎหมายกำหนด
วันนี้ (12 ธ.ค. 68) เวลา 13.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้ง หลังรัฐบาลประกาศยุบสภาฯ ว่าพรรคมีความพร้อม ไม่มีปัญหาอะไร เป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้เสมอ
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ได้กำชับผู้บริหารทุกคนตั้งแต่ต้นว่าเราทำงานแข่งขันกับเวลา ยอมรับว่ามีข้อจำกัดในหลายเรื่อง แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็มั่นใจ ขณะนี้เร่งทำกันมาก ซึ่งก็มีความพร้อม และเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศ ส่วนเรื่องผู้สมัครก็เร่งรัดตามขั้นตอน และเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างครบถ้วน มีคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้ามาทำการเมืองแบบสุจริตจำนวนมาก ต้องกลั่นกรอง และคัดเลือกให้เหมาะสมที่สุด
นายอภิสิทธิ์ ชี้ว่า ปัญหาของประเทศขณะนี้ ทั้งการสู้รบตามแนวชายแดน และการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย หากมีการเมืองที่เป็นเอกภาพ มีพลัง และมีอำนาจเต็ม จะสามารถผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดี ยอมรับว่ารู้สึกเสียดาย อาจเรียกว่าการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองก็แล้วแต่ ทำให้เกิดการชะงักงัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ต้องมุ่งมั่นดำเนินภารกิจทั้ง 2 เรื่องให้เสร็จสิ้นด้วยดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้กระทั่งรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ต้องใช้เวลากับการรณรงค์หาเสียง การที่รัฐบาลไม่ได้มีอำนาจเต็ม และต้องรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา และการตัดสินใจในนโยบายใหม่ ๆ ก็คงทำไม่ได้ อาจมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เพราะเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง จะมีเรื่องของ กกต.
ส่วนการเปิดตัวผู้สมัคร เราทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต้องเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากสาขา และตัวแทนจังหวัดตามกฎหมายบังคับ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และหลังจากได้รับฟังความคิดเห็นมาแล้ว คณะกรรมการสรรหาจะเร่งประชุมเสนอคณะกรรมการบริหารอนุมัติ ซึ่งจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ทราบ
สำหรับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะอาศัยช่วงนี้เป็นรัฐบาลรักษาการยาว มองว่าลากยาวด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ได้ ยกเว้นเท่าที่กฎหมายให้อำนาจไว้ อย่างกรณีที่ กกต. เห็นแล้วว่าการจะเลือกตั้งในพื้นที่ไม่สามารถจัดได้ ก็เป็นอำนาจของ กกต. ที่จะเลื่อน แต่การเลือกตั้งทั่วไปยังมองไม่เห็นว่ากฎหมายจะอนุญาตอย่างไร ขณะที่คำพิพากษาระบุต้องเลือกตั้งพร้อมกันทั่งประเทศ เข้าใจว่ามีบทบัญญัติที่พยายามปรับเพื่อแก้สถานการณ์อยู่ในกรณีบางพื้นที่ ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไร เป็นหน้าที่ และอำนาจของ กกต.ที่จะวินิจฉัย
ส่วนการชิงยุบสภาฯ กะทันหัน ไม่อยากไปถกเถียงว่าใครเป็นคนผิดข้อตกลง เพียงแต่น่าเสียดายหากพรรคการเมืองจะพยามยามหาทางออกร่วมกัน ผลักดันสิ่งที่เป็นเป้าหมายร่วมกัน ก็จะหลีกเลี่ยงทำให้บางปัญหาที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศต้องได้รับผกระทบไปด้วย
“ในใจผมก็นึกว่า ถ้าเราเอาเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่มาเป็นตัวตั้งของประเทศแล้วคุยกันเสีย เผื่อหาทางออกได้ มันก็น่าจะดีกว่านี้ แต่เมื่อถึงจุดนี้ก็ต้องเดินไปตามกระบวนการ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวรู้สึกสับสนนิดหน่อยที่ฝ่ายที่ต้องการผลักดันแก้ไขเพิ่มเติม หรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อยู่ดี ๆ ก็เลือกทำให้จบลง แม้จะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ทำประชามติ แต่ตรงนี้ไม่ได้ช่วยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญง่ายขึ้น แม้มีการทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งแล้วผ่าน ก็ยังต้องไปทำประชามติอีกรอบอยู่ดีในวันที่ไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 แปลกใจว่าแทนที่จะพยายามหาทางออก แต่ไปเลือกเส้นทางที่เหมือนมาตั้งต้นกันใหม่












