POLITICS

นายกฯ กั๊กตอบ เลือกตั้งครั้งหน้า จับมือ ‘เพื่อไทย – ประชาชน‘ หรือไม่

นายกฯ กั๊กตอบ เลือกตั้งครั้งหน้า จับมือ ‘เพื่อไทย – ประชาชน‘ หรือไม่ บอก ”ก่อนเลือกตั้ง ไม่มีใครพูดก่อน ว่าจะจับมือกับพรรคไหน“ ขอไม่ก้าวล่วง ปม กกต. แบ่งเขตเลือกตั้ง ขอสร้างนโยบายให้โดนใจประชาชนดีกว่า

วันนี้ (3 ธ.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการปรับเขตเลือกตั้งปี 2569 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า จริงๆ ก็เจอแบบนี้ทุกการเลือกตั้ง เราจะไปก้าวล่วงไม่ได้เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ดังนั้นพรรคการเมืองที่จะไปหาเสียงก็ต้องปรับตัวเอง ไม่ใช่ให้ กกต.ปรับเข้าหาเรา เพราะ กกต.เป็นผู้ออกกฎเกณฑ์

ส่วนความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมหรือไม่ แต่เมื่อเป็นพรรคการเมืองก็ต้องไปเลือกตั้ง ทุกเงื่อนไข

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีความได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามองว่าควรไปสร้างนโยบายที่โดนใจประชาชนดีกว่า ซึ่งดีกว่ามานั่งคิดว่าได้เปรียบหรือเสียเปรียบใคร การแข่งขันเกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนโยบาย และการสร้างความเชื่อมั่นน่าเชื่อถือให้กับประชาชนว่า ถ้าหากเลือกเราเข้ามา เราจะสามารถทำงานให้ประชาชนได้ เป็นที่น่าพอใจ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ส่วนความมั่นใจเกี่ยวกับนโยบายของพรรคภูมิใจไทย จะสามารถซื้อใจของประชาชนได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็ต้องทำนโยบายที่คิดว่าดีที่สุด เสนอให้กับประชาชน ส่วนผู้ตัดสินคือประชาชน เราไปตัดสินเองไม่ได้

ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า จะสามารถจับมือกับพรรคประชาชนได้หรือไม่ เนื่องจากได้ปฏิบัติตาม MOA นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วก่อนการเลือกตั้ง ไม่มีพรรคไหนมาพูดว่าจะจับมือกับพรรคไหน หรือไม่จับกับพรรคไหน อย่างที่ทราบดีว่าไม่เกิน 2-3 เดือนก็จะมีการเลือกตั้งแล้ว พรรคภูมิใจไทยก็ต้องหาผู้สมัครที่ดีที่สุดให้กับประชาชน และหาผู้สมัครตัวหลัก (Primary) ให้ครบ และตั้งสาขาให้เข้ากับรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะไม่ปิดโอกาสจับมือกับพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องพยายามทำตัวให้ดีที่สุด ดีที่สุดคือการทำให้เกิดความเชื่อใจให้กับประชาชนให้มากที่สุด

ส่วนความคาดหวังจะได้ สส. 200 ที่นั่งหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวติดตลกว่า “พันนึงได้ไหมล่ะ”

เมื่อถามถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ต้องช่วยชาวบ้านกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คนละเรื่องกัน ช่วยชาวบ้านแก้ไขสถานการณ์วิกฤติ ตราบใดที่มีรัฐบาลอยู่ และจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ จึงจะหมดหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเต็มรูปแบบหรือรัฐบาลรักษาการ หากมีภัย มีเรื่องฉุกเฉิน ก็ต้องลุยเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนพ้นจากภัยและความทุกข์เร็วที่สุด

ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็น เพราะมีการดีลกันแล้ว นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มี

ส่วนวิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ จะทำให้เกมพรรคภูมิใจไทยพลิกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้ที่ต้องลงไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ก็เพราะเป็นรัฐบาล ไม่ได้ไปในฐานะพรรคภูมิใจไทย ซึ่งในฐานะที่เป็นรัฐบาลก็ต้องระดมความช่วยเหลือของทุกหน่วยงาน ให้ลงไปช่วยเหลือประชาชน ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำท่วมภาคใต้ นายกรัฐมนตรี นิ่งไปสักพัก แล้วตอบกลับว่า “อ๋อ ครับ” แล้วยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว

นากรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เราควบคุมตัวเองได้ แต่ควบคุมคนอื่นไม่ได้ แต่มั่นใจว่ามีเจตนารมณ์ที่ดี ตั้งใจทำงาน และแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ซึ่งจะทำงานเต็มที่ในฐานะรัฐบาล

ส่วนจะกังวลหรือไม่ว่าน้ำท่วมภาคใต้จะเป็นวิกฤติกระแสเสียงของพรรคภูมิใจไทย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่กังวลกระแสว่าพรรคภูมิใจไทยจะขึ้นหรือลง แต่กังวลว่าตนเองจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ไม่ทันใจ

สำหรับกรณีที่มีเสียงตำหนิรัฐบาลดูแล้วอาจจะขมหูในช่วงนี้ มีวิธีการจัดการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น้อมรับทุกอย่าง ตรงไหนที่ฟังแล้วเข้าท่า มีเหตุมีผล ขออนุญาตคัดลอกไปแก้ไขด้วยซ้ำ

Related Posts

Send this to a friend