กองทัพพม่ารบกะเหรี่ยง KNU ชายแดนแม่สอดเดือ-ไทยสั่งปิดท่าข้ามชายแดน 5 อำเภอ
กองทัพพม่ารบกะเหรี่ยง KNU ชายแดนแม่สอดเดือ-ไทยสั่งปิดท่าข้ามชายแดน 5 อำเภอหวั่นสถานการณ์ลามเข้าไทย-โฆษกกะเหรี่ยงเผยทหารตั๊ดมะดอเสริมกำลังพล-บุก 3 ทางหวังยึดคืนพื้นที่
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู(Karen National Union-KNU) และกองทัพพม่าบริเวณบ้านมินลาป่าน ริมแม่น้ำเมยซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านห้วยมหาวงศ์ และบ้านแม่โกนเกน ต.มหาวัน อ.แม่สอด จังหวัดตาก ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด โดยทั้ง 2 ฝ่ายใช้อาวุธหนัก และอาวุธประจำกายยิงใส่กัน เนื่องจากกองทัพพม่าต้องการที่จะยึดฐานที่มั่นคืนจาก KNU ให้ได้
ขณะที่ทหารไทยโดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวรยังคงตรึงกำลังและดูแลรักษาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้โรงเรียนบ้านแม่โกนเกนซึ่งมีพื้นที่ติดกับแนวชายแดนไทย-พม่า เคยถูกลูกกระสุนตกใส่ด้านหลังโรงเรียน ทำให้ต้องหยุดเรียนมากว่า 1 สัปดาห์ซึ่งเมื่อหลายฝ่ายประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่ายังไม่ควรเปิดเรียนจึงต้องปิดโรงเรียนบ้านแม่โกนเกนต่อไป
ด้าน นายชัยพล ดวงดี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านแม่โกนเกน ซึ่งระหว่างตรวจเยี่ยมอยู่นั้น ได้มีเสียงระเบิดและมีเสียงปืนกลรัวอย่างต่อเนื่อง
นายชัยพลกล่าวว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯให้ความสำคัญกับโรงเรียนที่อยู่ใกล้กับพื้นที่การสู้รบ และมีการติดตามสถานการณ์ตลอด ขณะนี้ได้หาแนวทางให้โรงเรียนมีมาตรการวางแผนเผชิญเหตุ ส่วนการเรียนการสอนของนักเรียนนั้นได้ให้ใบงานและเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ได้มีคำสั่งปิดท่าข้ามทุกจุด 5 อำเภอชายแดน จ.ตาก เป็นเวลา 7 วัน เพื่อควบคุมพื้นที่ชายแดนให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่ให้มีการสนับสนุนใด ๆ ข้ามไปยังฝั่งพม่าอันเกี่ยวข้องกับการสู้รบและเพื่อให้เกิดความมั่นคงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงขอแจ้งด่านศุลกากรแม่สอดให้ระงับการผ่อนผันการนำเข้า-ส่งออกสินค้าตามช่องทางอื่นนอกจากทางอนุมัติ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน-6 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ขณะเดียวกันที่สนามบินนานาชาติแม่สอด ทางการจีนได้ส่งเครื่องบินสายการบิน ไชน่าเซ้าเทิร์น แอร์ไลท์ มารับกลุ่มคนจีนทั้งที่เป็นเหยื่อขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวง และกลุ่มที่เป็นมาเฟีย-อาชญกรข้ามชาติ กลับประเทศ โดยแต่ละเที่ยวบินสามารถนำกลับไปได้ 50 คน รวมชาวจีนจำนวน 300 คน
ด้านพะโด่ซอตอนี โฆษก ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่าง KNU และกองทัพพม่าในพื้นที่ “มินละปาน”ทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี ประเทศพม่า ตรงข้ามบ้านห้วยมหาวงศ์ ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ภายหลังจากที่ KNU ยึดพื้นที่แหล่งสแกมจากกองกำลังกะเหรี่ยงDKBA (Democratic Karen Benevolent Army) ที่ช่วยเหลือกองทัพพม่า ว่าการสู้รบยังคงมีทุกวันต่อเนื่อง
โฆษก KNU กล่าวว่าเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน มีการสู้รบตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งผลให้ลูกปืนใหญ่ตกลงมายังฝั่งประเทศไทย ซึ่งเป็นวันที่การปะทะยาวนานถึงช่วง 23.00 น. ระหว่างที่ KNUดำเนินการส่งตัวคนที่ถูกนำออกจากพื้นที่หลอกลวง ก็มีปืนใหญ่ยิงลงมายังพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณนั้น ยังดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“สถานการณ์ปัจจุบัน การโจมตีโดยกองทัพพม่าทวีความรุนแรงขั้นเรื่อย ๆ เมื่อวันก่อนเราได้รับรายงานว่า ทหารพม่าได้เสริมกำลังปฎิบัติการเพิ่มอีก 3 คอลัมน์ และเข้ามาจาก 3ทิศทาง สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อวานถือว่าเป็นวันที่หนักที่สุด ซึ่งเป้าหมายที่ทหารพม่าทำขนาดนี้ คิดว่าเขาคงไม่อยากให้ภารกิจของเราสำเร็จด้วยดี ทางการพม่าพยายามใส่ร้ายเราตลอดเวลา แต่เป้าหมายใหญ่สุดของเราคือต้องการช่วยเหยื่อที่เกิดจากการหลอกลวงให้ได้กลับประเทศต้นทางอย่างปลอดภัยไวที่สุด แต่เหมือนทางการพม่าไม่เห็นด้วยกับภารกิจนี้ เขาต้องการทำลายปฎิบัติการของเรา เพราะไม่เพียงยิงอาวุธหนักเพิ่มขึ้น ยังใช้การโจมตีทางอากาศด้วย” พะโด่ซอตอนี กล่าว
โฆษก KNU กล่าวว่า สำหรับเหยื่อและสแกมในพื้นที่มินละปานนั้น ตอนนี้ที่ติดค้ายอยู่ริมน้ำเมย 103 คน และ KNUสามารถทำการลงทะเบียนชาวต่างชาติได้ทั้งหมดแล้ว รวมถึงกลุ่มที่ไม่ต้องการกลับซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน โดยชาวต่างชาติทั้งหมดร้อยละ 80-90 เป็นคนจีน แม้คนที่ไม่ต้องการกลับและไม่ให้ความร่วมมือแต่เจ้าหน้าที่ปฎิบัติการภาคสานามได้พยายามจนพวกเขายอมลงทะเบียน โดยพบว่ามีจำนวนทั้งหมด 942 คน และมีคนที่อยากกลับเพิ่มอีก 74 คน ซึ่งคนที่ยังติดค้างอยู่ในตึกมีทั้งหมด 1,016 คน
“สาเหตุที่พวกเขาไม่กลับเราก็ยังไม่รู้ แต่หากคิดดูดีๆ ก็คงมีหลายสาเหตุที่คาดเดาได้ แต่กลุ่มที่มีการส่งตัวผ่านประเทศไทยแล้วนั้น เป็นตัวเลขตามที่ KNU ได้รายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว” พะโด่ซอตอนี กล่าว
โฆษก KNU กล่าวว่า KNU คนที่อยู่ในตึกมีหลายกลุ่มทั้งกลุ่มนายจ้างที่ทำร้ายผู้อื่น กลุ่มที่เป็นเหยื่อถูกหลอกมาทำงาน โดยสังเกตได้จากคนที่ต้องการกลับบ้าน พวกเขาดีใจตอนที่ให้ลงทะเบียนแจ้งว่าจะส่งกลับบ้าน แตกต่างจากกลุ่มที่ไม่อยากกลับบ้าน อย่างไรก็ตามก็จะพยายามแก้ปัญหา แต่ทางการไทยเองมีข้อจำกัดอย่างไรบ้างเราก็ไม่ทราบทั้งหมด แต่ก็หวังว่าจะพยายามประสานความร่วมมือกันได้ ไม่ทางใดทางหนึ่ง
“เรามองพวกเขาในฐานะมนุษย์ก็มีความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือ เพื่อให้พวกเขาได้กลับบ้าน หากมีอุปสรรคก็จะพยายามช่วยกันหาทางออกอย่างดีที่สุด แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนที่ให้ KNU ดำเนินการส่งคนเหล่านี้ผ่านเผด็จการทหารพม่าเป็นเรื่องยาก เพราะกองทัพพม่าพยายามเข้ามาโจมตีเราในพื้นที่โดยรอบ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำงานผ่านเผด็จการทหารพม่า เราจึงมีความหวังกับรัฐบาลไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าเรามีข้อจำกัดในการจะดูแลคนเป็นพัน ๆ ในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น แต่ก็พยายามให้อาหาร ดูแลพวกเขาเท่าที่ทำได้ แต่ขณะเดียวกัน ยังคงมีกลุ่มคนที่ยังอยู่ในอาคารอีกกว่า 1 พันคน เราไม่ทราบว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกเท่าไหร่ หากมีหน่วยงานองค์กรใดที่ช่วยสนับสนุนเรื่องเหล่านี้ได้เราก็ต้องการประสานความช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย” โฆษก KNU กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการสู้รบกันของทั้งสองฝ่ายทำให้คนไทยเดือดร้อน โฆษก KNU กล่าวว่า การสู้รบที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ KNU ต้องการให้เกิดการสู้รบ แต่จะเห็นได้ว่า กองทัพพม่าพยายามที่จะรุกเข้ามา และสร้างสถานการณ์การสู้รบให้รุนแรงขึ้น KNU ทำได้เพียงการป้องกันตัวและไม่อยากเห็นว่ามีกระสุนปืนต่าง ๆ ตกลงมายังฝั่งประเทศไทย
“เราขอยืนยันว่า กระสุนปืนใหญ่ที่ตกมายังฝั่งประเทศไทย ไม่ใช่เกิดจากกระสุนฝ่ายเรา แต่หวังว่า เจ้าหน้าที่ไทย จะช่วยหาทางยุติเรื่องนี้ได้ เพราะเราเองจะบอกให้กองทัพพม่าหยุดปฏิบัติการ เราก็ไม่สามารถบอกพวกเขาได้ ซึ่งกองทัพพม่ามีเป้าหมายที่จะทำลายล้างเรา สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ ป้องกันตัว” พะโด่ซอตอนี กล่าว












