วันนี้ (25 พ.ย. 68) Airbnb แพลตฟอร์มจองที่พักระดับโลก เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 พบว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจองห้องพักจากนักเดินทางต่างชาติเพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับการเข้าพักระยะยาว (Long-term stays) ที่มีการเติบโตในอัตราใกล้เคียงกันที่ประมาณ 20%

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปและกลุ่มดิจิทัลโนแมด (Digital Nomads) โดยมีแนวโน้มการท่องเที่ยวแบบช้าๆ และเน้นความหมาย (Slow and meaningful travel) มากขึ้น ซึ่งผู้เดินทางนิยมใช้เวลาพำนักนานขึ้นเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น

นายอมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไปประจำอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Airbnb กล่าวว่า เสน่ห์ของประเทศไทยอยู่ที่ความหลากหลาย ทั้งชีวิตในเมือง ชายหาด และมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งดึงดูดนักเดินทางทั่วโลก โดยพบว่านักท่องเที่ยวใช้เวลาพำนักนานขึ้นและออกเดินทางสู่จุดหมายใหม่ๆ นอกเหนือจากเส้นทางยอดนิยม สะท้อนถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมายังประเทศไทยผ่าน Airbnb ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 อันดับหนึ่งคือ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วย สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย แคนาดา และสิงคโปร์ โดยตลาดนักท่องเที่ยวจากยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก

ในด้านจุดหมายปลายทาง แม้กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต จะยังคงเป็นพื้นที่หลัก แต่เมืองรองและเมืองชายทะเลเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้

• เกาะช้าง: มียอดจองจากนักเดินทางต่างชาติเพิ่มขึ้นกว่า 70%
  -เกาะสมุย และ กระบี่: มียอดจองเพิ่มขึ้นราว 30% ซึ่งได้รับอานิสงส์จากกระแสภาพยนตร์และซีรีส์ที่ถ่ายทำในไทย สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมทั่วโลกเดินทางมาตามรอย
  -นนทบุรี หัวหิน และชะอำ: มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นจากนักเดินทางที่ต้องการความเงียบสงบ