POLITICS

‘พริษฐ์’ ชี้ ไม่มีพรรคไหนเสนอ ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งโดยตรง

‘พริษฐ์’ ชี้ ไม่มีพรรคไหนเสนอ ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งโดยตรง เสียดาย กมธ.เสียงข้างมากตัดประเด็นคูหาเลือกตั้งออก รับข้อเสนอให้ผู้สมัครมีประชาชนรับรอง 100 คน มีทั้งข้อดีข้อเสีย ส่วนสูตร 20 หยิบ 1 ออกแบบรัดกุม พร้อมทุกฉากทัศน์

‘พริษฐ์’ ชี้ ไม่มีพรรคไหนเสนอ ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งโดยตรง เสียดาย กมธ.เสียงข้างมากตัดประเด็นคูหาเลือกตั้งออก รับข้อเสนอให้ผู้สมัครมีประชาชนรับรอง 100 คน มีทั้งข้อดีข้อเสีย ส่วนสูตร 20 หยิบ 1 ออกแบบรัดกุม พร้อมทุกฉากทัศน์

วันนี้ (17 พ.ย. 68) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคประชาชน แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ของกรรมาธิการรัฐสภา ซึ่งมีการลงมติเกี่ยวกับกลไกสำคัญในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ย้ำถึงข้อเสนอในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร. แต่ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดห้ามไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง จึงไม่มีพรรคการเมืองใดที่จะเสนอกลไก ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้ และโมเดลในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 3 พรรคการเมืองที่เสนอต่อรัฐสภา ในวาระ 1 เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีร่างพรรคการเมืองใดที่จะเสนอให้มี ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ทำให้ร่างของพรรคประชาชนออกแบบโดยยึด 2 กลไกสำคัญ และในท้ายที่สุดเป็นร่างที่รัฐสภามีมติให้ใช้เป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการคือ 1.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ได้มากที่สุด ตราบใดที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 2.การป้องกันการผูกขาดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือโดยสีใดสีหนึ่ง จึงมี 3 ข้อเสนอ ที่ออกแบบไว้ และกรรมาธิการมีการลงมติ

ประการแรก ในร่างพรรคประชาชนเสนอให้มีสภาที่ปรึกษาที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน โดยไม่ได้มีอำนาจในการร่างรัฐธรรมนูญ แต่มีอำนาจในการรับฟังรวบรวมความเห็นของประชาชน ซึ่งจะเป็นกลไกเดียวที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้ แต่เมื่อมีการลงมติกรรมาธิการเสียงข้างมาก 23 เสียง ให้ตัดสภาที่ปรึกษาออก

ประการที่สอง ในข้อเสนอของร่างพรรคประชาชน คือการเปิดให้ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อคัดกรองผู้ร่างรัฐธรรมนูญในเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งให้รัฐสภาคัดเลือกในขั้นสุดท้าย พยายามให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่คณะกรรมาธิการ เสียงข้างมาก 14 เสียงให้ตัดกลไกนี้ออก

ประการที่สาม การเสนอให้รัฐสภาคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยใช้สูตร 20 หยิบ 1 แทนการใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก ซึ่งหมายถึงการกำหนดว่าสมาชิกรัฐสภา สส.-สว. มีทั้งหมด 700 คน เมื่อผู้ร่างที่ถูกกำหนดไว้ 35 คน เมื่อการก็ได้ 20 จึงกำหนดว่าสมาชิกรัฐสภาที่รวมตัว 20 คน มีสิทธิ์ในการคัดเลือกผู้ร่างฯได้ 1 คน ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ถูกผูกขาด โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือสีใดสีหนึ่ง และมีตัวแทนที่สะท้อนความหลากหลายทางความคิดที่อยู่ในสภาและในสังคม ซึ่งกรรมาธิการเห็นด้วยกับสูตร 20 หยิบ 1 แทนเกณฑ์เสียงข้างมาก

“ ทำไมสูตร 20 หยิบ 1 จึงสำคัญ เพราะหากไม่ใช้สูตรดังกล่าวแล้วไปใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือสี่ใดสีหนึ่ง ที่อาจจะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ยกตัวอย่างเช่นอาจจะมีพรรคการเมืองสีหนึ่ง มี สส. 200 คน หลังจากการเลือกตั้งครั้งถัดไปและมี สว. สีเดียวกันอีก 160 คน รวมเป็น 360 คนซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาเสียงข้างมากนั้นอาจจะสามารถผูกขาดการคัดเลือกผู้ร่างได้อย่างเบ็ดเสร็จเทียบว่าสีนั้นอาจเลือกผู้ร่างทั้ง 35 คนได้แบบเบ็ดเสร็จ” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่ามติของที่ประชุมกรรมาธิการมีทั้งเรื่องที่ผิดหวังและเรื่องที่น่ายินดี ที่ อย่างน้อยสามารถผลักดันสูตร 20 หยิบ 1 ได้สำเร็จ เมื่อสูตรดังกล่าวอยู่ในร่างของกรรมาธิการสามารถรับประกันได้ว่าอย่างน้อยการคัดเลือกคู่ร่างรัฐธรรมนูญของรัฐสภาจะถูกผูกขาดเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และประชาชนยังคงมีส่วนร่วมในการกำหนดร่างผ่านคูหาเลือกตั้ง สส. หมายถึงหากประชาชนเลือก สส. จากพรรคใดเยอะพรรคนั้นก็จะมีโอกาสหรือมีสิทธิ์ในการคัดเลือกผู้ร่างที่มีจุดยืนใกล้เคียงกันกับการจัดทำรัฐธรรมนูญ

ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการวิจารณ์สูตร 20 หยิบ 1 นายพริษฐ์ ระบุว่าอาจจะไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดกรองผู้ร่างรัฐธรรมนูญในเบื้องต้น ในข้อเท็จจริงกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ และกรรมาธิการที่ออกมาพูดประโยคนี้ว่าไม่ได้ลงมติเห็นชอบกับข้อเสนอพรรคประชาชน ว่าให้ประชาชนคัดกรองผู้ร่างเบื้องต้น 70 คนก่อนส่งให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน และกรรมาธิการก็ไม่ได้มีการเสนอวิธีการอื่นที่จะป้องกันการผูกขาดได้มากกว่าสูตร 20 หยิบ 1 หากพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองหนึ่งจะเห็นขั้นตอนสุดท้ายที่รัฐสภาคัดเลือกผู้ร่างกำหนดใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก ซึ่งเชื่อว่ามีความเสี่ยงกับการผูกขาดมากกว่าสูตร 20 หยิบ 1

อีกประการหนึ่งมองว่าอาจมีความเข้าใจจากบางภาคส่วน ที่จะพยายามสร้างความเข้าใจว่าการที่กรรมาธิการเสียงข้างมากไม่เติม ส.ส.ร. ตามข้อเสนอของกรรมาธิการพรรคเพื่อไทย จะทำให้ผู้มีความโยงกับประชาชนน้อยลง ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ยืนยันว่า ส.ส.ร. จากกรรมาธิการพรรคเพื่อไทยเสนอมานั้นไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และไม่ได้มีการลงมติว่า ส.ส.ร. จะมีที่มาอย่างไร

นายพริษฐ์ ยืนยันว่าสัปดาห์นี้กรรมาธิการพรรคประชาชนจะทำอย่างเต็มที่ในการจูงมือทุกภาคส่วน เพื่อเดินหน้าพิจารณามากกว่าที่เหลืออยู่ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด อย่างน้อยที่สุดตามไทม์ไลน์การพิจารณาของฉันกรรมาธิการจะต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้รัฐบาลเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญช่วงต้นเดือนธันวาคม ก่อนจะถึงวันที่ 12 ธ.ค.ที่จะประชุมสมัยสามัญ และกฎหมายยังกำหนดว่าหลังจากวาระที่สองเสร็จสิ้น ต้องทิ้งไว้ 15 วันก็สามารถพิจารณาวาระสามได้เสร็จก่อนสิ้นเดือนธันวาธันวาคม

นายพริษฐ์ ยังเชื่อว่า เป็นไปได้ ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะผ่านวาระ 2-3 ได้ โดยยืนยันที่จะทำอย่างเต็มที่ในการจูงทุกภาคส่วนให้พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเหลืออีก 2 สัปดาห์เต็มในการพิจารณา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้การพิจารณาวาระ 2 เกิดขึ้นได้ในช่วงเปิดประชุมสมัยวิสามัญตามที่พรรคประชาชนเรียกร้อง และทำให้การพิจารณาวาระ 3 เสร็จสิ้นก่อนสิ้นเดือน ธ.ค.

“ถ้าจะเชื่อมโยงกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจย้ำเงื่อนไขเดิมพรรคประชาชน 3 ข้อ คือการเรียกร้องว่ารัฐบาลจะต้องมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างน้อยที่สุดในวาระที่ 2 หากคำนวณแล้วเมื่อไม่มีการประชุมสมัยวิสามัญ และรอวันที่ 12 ธันวาคม ถึงจะเข้าสู่การพิจารณาวาระ2 จะเสร็จไม่ทันในวาระ3ภายในสิ้นเดือนธันวาคมตามที่ได้ขีดเส้นใต้เอาไว้” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ ชี้แจงเพิ่มเติม เกี่ยวกับข้อเสนอของพรรคประชาชนในการเลือกคณะกรรมการยกร่างฯว่าให้ประชาชนเข้าคูหาเพื่อเลือกผู้ร่างก่อน ให้เหลือ 70 คน และจากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน แต่โหวตให้ชั้นกรรมาธิการ แพ้โหวตประเด็นนี้ ทำให้กรรมาธิการเสียงข้างมากเสนอว่า “จะเป็นการเปิดรับสมัครแทน” ซึ่งพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ไม่ได้เห็นด้วยกับข้อสรุปเช่นนี้ ซึ่งปัจจุบันตัวร่างที่ได้ข้อสรุปมาว่าให้สภาเป็นเจ้าภาพหลักในการออกแบบกระบวนการรับสมัคร ในการแสดงวิสัยทัศน์ และรวบรวมข้อมูลเพื่อให้รัฐสภาคัดเลือก ส่วน กกต. จะเข้ามารับผิดชอบในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ด้วยมีกรรมาธิการบางคนเสนอว่า กกต. เมื่อคุ้นเคยกับการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระรัฐสภาในขั้นตอนนี้ได้ดี

เมื่อกรรมาธิการเสียงข้างนอกสรุปให้เปิดรับสมัคร ปัจจุบันยังมีการพูดคุยว่าผู้สมัครแต่ละคน ควรจะจะต้องมีผู้รับรอง 100 คนหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้เห็นว่าหากพูดอย่างเป็นธรรมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย กติกาจะต้องหารือการให้ตกผลึกภายในสัปดาห์นี้ มุมหนึ่งบางคนมองว่ามีข้อดีว่าเมื่อกรรมาธิการเสียงข้างมากตัดคูหาเลือกตั้งออกไป การให้ผู้สมัครแต่ละคนต้องมีการรับรองโดยประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 100 คน เสมือนเป็นการวางเกณฑ์ว่าจะต้องให้ประชาชนเห็นชอบในการทำหน้าที่ในระดับหนึ่ง และเข้าใจในข้อกังวลเกี่ยวกับข้อเสียมิติหนึ่งว่าหากมีการกำหนดจำนวนผู้รับรองที่สูงเกินไป อาจจะทำให้ผู้สมัครที่อาจมีความสามารถไม่ได้มีเครือข่ายที่จะลงชื่อสนับสนุนได้อาจจะถูกปิดกั้นการเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปยังเป็นข้อตกลงที่ต้องตกผลึกกันอีกครั้ง

“แต่ประเด็นที่หลายคนกังวลว่าจะเอื้อต่อการจัดตั้งหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่กรรมาธิการหลายคนเห็นด้วยคือหากจะคงไว้ซึ่งกลไกผู้รับรองอาจจะต้องมีการเปิดเผยรายชื่อของผู้รับรับรองให้ประชาชนได้เห็นหากสมมุติว่ามีกระบวนการจัดตั้งที่หลายคนกังวลประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่ามีรายชื่อเหมือนกันสนับสนุนกลุ่มผู้สมัครกลุ่มเดียวกัน” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวถึงกรณีสูตร 20 หยิบ 1 ที่ สส.และ สว. รวมตัวเลือกได้อย่างอิสระเป็นดุลย์พินิจของสมาชิกรัฐสภาแต่ละคน เพื่อจะได้ให้สามารถเลือก ตามเป้าหมายของการให้แต่ละส่วนเสนอรายชื่อตามสัดส่วน ส่วนกรณีที่เสียงไม่ครบ 20 ที่จะหยิบ 1 ได้ หรือมีสมาชิกรัฐรัฐสภาไม่ครบ 700 คน มีการออกแบบเขียนบทบัญญัติยอมรับไว้ หากยังไม่ครบ 35 รายชื่อ มีการวางว่าในตำแหน่งที่เหลือ เข้าที่ประชุมใหญ่รัฐสภา ให้สมาชิกรัฐสภาเสนอชื่อ จำนวน 2 เท่า ของตำแหน่งที่เหลือ เช่น หากเหลือ 2 คน ต้องมีการเสนอชื่อเข้ามา 4 คน และโหวตโดยใช้เกณฑ์เสียงว่าคนที่จะได้รับคัดเลือกต้องใช้คะแนนเสียงสูงสุดโดยจะต้องเกิน 2 ใน 3 เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงข้างมากลากไป ยืนยันวางกลไกทุกอย่างอย่างรัดกุมที่สุดเพื่อให้รับมือกับทุกฉากกระทัศน์ที่จะเข้ามา

Related Posts

Send this to a friend