นายกฯ เป็นประธานลงนาม MOU ร่วม 15 องค์กร ประกาศสงครามสแกมเมอร์
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานลงนาม MOU ร่วม 15 องค์กร ประกาศสงครามสแกมเมอร์ หวัง ภาพวันนี้จะลบข้อครหาเป็นหนึ่งในขบวนการ ชี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร เอาผิดเด็ดขาด ขอให้มั่นใจรัฐบาล บอก เรื่องนี้ไม่มีเคลียร์ – เกี้ยเซี๊ยะ
วันนี้ (6 พ.ย. 68) เวลา 11:00 น. ที่สันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับ 15 หน่วยงานภาครัฐร่วมลงนามใน MOU ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงพาณิชย์, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช), ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (กลต.), สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ
นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามรัฐบาล และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาคเอกชนได้มาร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างพร้อมเพรียงกัน ถือเป็นก้าวสำคัญที่ประเทศไทยได้มีการรวมกันเพื่อการประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์ สงครามนี้เป็นสงครามที่เราจะต้องชนะเท่านั้น เพื่อปกป้องประชาชนทุกคนจากภัยสแกมเมอร์ ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศ เมื่อหนึ่งคนเป็นเหยื่อทุกครอบครัวจะได้รับผลกระทบ ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ คนจำนวนมากต้องประสบกับความทุกข์ และความเครียดอย่างแสนสาหัส ศักยภาพ ชื่อเสียง ความเชื่อมั่นของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ชื่อเสียงที่ต้องเสื่อมเสียภาพลักษณ์ที่ถูกบั่นทอน มีผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย
ในด้านการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศความเสียหายที่ซ่อนอยู่จากภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีมากมายจนไม่สามารถที่จะประเมินค่าได้ นี่คือความมั่นคงอันดับต้นต้นของประเทศ ซึ่งรัฐบาลของตนได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขป้องกันและปราบปรามให้สูญสิ้นไปให้จนได้
ดังนั้น ต้องขอขอบคุณผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้มีเกียรติที่มาร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ ในวันนี้สิ่งที่เราร่วมลงนามกันไปนั้น ไม่ใช่เพียงเอกสารแต่เป็นอาวุธที่จะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบ เพราะถือเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแต่เป็นภารกิจร่วมกันของประเทศ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนในทุกๆ ด้านทั้งงบประมาณ เทคโนโลยี และนโยบายทรัพยากรทุกอย่างเพื่อให้การปฎิบัติภารกิจต่างๆ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะออนไลน์สแกมเมอร์ให้เห็นผลจริง ทั้งในระยะสั้น และยั่งยืนในระยะยาวเพื่อให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากภัยสแกมเมอร์ ให้กับประชาชนและต้องทำให้เป็นดินแดนต้องห้ามของการหลอกลวงทุกรูปแบบ ประเทศไทยต้องปลอดภัยจากสแกมเมอร์
สำหรับ MOU ที่ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับนี้ มีจุดประสงค์เดินหน้าปฏิบัติการเชิงลึกใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดหรือผู้สนับสนุนอยู่ข้างหลัง 2. การสร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข่าวกรองและการสืบสวน 3. การยึดและอายัติทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันทีตัดเส้นทางการเงินอาชญากรไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินได้อีกต่อไป 4. ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและ AI ในการตรวจจับเส้นทางเงินของมิจฉาชีพเพื่อสกัดก่อนที่จะเกิดเหตุ และ 5. การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนให้มีความรู้เท่าทัน และมีการแจ้งเพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศได้ระมัดระวังและพร้อมกันนี้ให้ช่วยกันถือเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้กับสงครามป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ภาพที่ปรากฏในวันนี้ น่าจะมีความชัดเจนว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือเราเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นเจ้าของสแกมเมอร์ เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมคิดว่าภาพในวันนี้คงทำให้ปรากฏชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าไม่มีใครที่จะมีความอดทนต่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำร้ายประเทศไทย ทุกคนที่ร่วมกันลงนามอยู่บนเวทีเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้เดินทางมาถึงจุดสูงสุดในการเป็นผู้บริหารองค์กรแต่ละคนรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำให้หวั่นไหวในอนาคต สิ่งที่ทุกคนรวมถึงตนมีเจตนารมย์แน่วแน่ในการปฏิบัติที่จะต้องร่วมกันพยายามปกป้องประชาชนชาวไทยให้ปลอดภัยจากภัยสแกมเมอร์ให้จนได้ และทุกคนมีอายุราชการเหลือไม่กี่ปี ตนมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา แต่รู้จักผูกพันความสัมพันธ์ที่มีต่อกันคือเป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องเราสามารถที่จะแสวงหาความร่วมมือ และสร้างพลังใช้โอกาสนี้ ใช้ความเป็นพี่น้องหัวหน้ารัฐบาลเป็นเพื่อนกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นพี่ของอธิบดีดีเอสไอ เป็นพี่ของผู้ว่าแบงค์ชาติ เป็นเพื่อนร่วมงานของปลัดกระทรวงหลายคน และเป็นคนแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย
ดังนั้น ตนไม่มีวันที่จะต้องเกรงใจใครที่ตั้งใจจะมาทำร้ายประชาชน ขอให้ประชาชนเกิดความมั่นใจตนรู้จักเพื่อนพี่น้องเหล่านี้ดีและจะไม่มีวันหมดหน้าที่หรือเกษียณอายุราชการไปแล้วบอกกับตัวเองไม่ได้ว่าในขณะที่มีอำนาจมีหน้าที่มีภารกิจไม่ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จปล่อยให้ประชาชนมีความเดือดร้อน ถึงกับตายตาไม่หลับ เราต้องการทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ด้วยเกียรติยศและได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างสุดความสามารถ
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันนี้รัฐบาล พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้ความมั่นใจว่าเรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีเกี้ยเซียะ มีแต่ลุยลูกเดียว และจะถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลงาน และเป็นบุญคุณของประชาชนที่จะนำมาทดแทนเป็นสิ่งที่เราต้องทำขึ้นมาเพื่อขออภัยประชาชนในความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา และตั้งใจทำอย่างเต็มที่ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจในทีมไทยแลนด์













