CRIME

ผบ.ตร. รับ เจ็บปวด ถูก ‘คนนอก’ องค์กรตำรวจ กล่าวหาเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ชี้ เป็นเรื่องรุนแรง

วันนี้ (6 พ.ย. 68) เวลา 11.00 น. ที่สันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมมือ 15 หน่วยงานเพื่อประกาศสงครามกับสแกมเมอร์ ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จากการที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเป็นนโยบายที่ถือว่าเรื่องการหลอกลวงโดยใช้ระบบเทคโนโลยี ถือเป็นภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจ และพี่น้องประชาชนอย่างมาก โดยยกให้เป็นวาระแห่งชาติ

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า วันนี้สำนักงานแห่งชาติดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เกิดเวทีนี้ขึ้นมา ตลอดระยะเวลาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำงานมา เราทุกคนมุ่งมั่นเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทสรรพกำลังในการทำงานสองมิติ คือ มิตินอกประเทศ ซึ่งยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ในประเทศไทย แต่เป็นนอกประเทศ เป็นการตั้งในลักษณะเป็นอาณาจักรที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเราได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจสากล และสหประชาชาติ

ทั้งนี้ การกระทำผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงไม่ว่าจะเป็นคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ หรือการค้ามนุษย์ มีความเกี่ยวโยง และสัมพันธ์กันโดยยกระดับความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องรับผู้หลบหนี หรือเราขอร้องกลับมาดำเนินคดีเพื่อสอบสวน ตนได้รับความร่วมมือจากทหาร ฝ่ายปกครอง ธนาคาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีในการประสานงานกับต่างประเทศ แต่ขึ้นอยู่กับประเทศดังกล่าวจะให้ความร่วมมือกับเรามากแค่ไหน

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ส่วนมิติในประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแบ่งแยกออกตามหน้าที่คือการปราบปราม และการสืบสวนสอบสวน ซึ่งการป้องกันปราบปรามมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เราเห็นความสำคัญของการยกระดับการป้องกัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะถ้าเน้นแต่การปราบปรามอย่างไรก็ต้องถูกหลอก เพราะปราบปรามคือผลแต่เราไม่ได้ทำต้นเหตุ ซึ่งองค์กรอาชญากรรมที่เกิดขึ้น องค์ประกอบในการกระทำคือ คน สายเสาที่ส่งสัญญาณทั้งทางไซเบอร์ และสัญญาณโทรศัพท์ รวมถึงซิม ถ้าเราทำลายองค์ประกอบเหล่านี้ได้ ตนมั่นใจว่าความร่วมมือในวันนี้จะเกิดผลสำเร็จแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนให้นโยบายกับสำนักงานแห่งชาติ ว่าอะไรที่เป็นแขนขาเราต้องตัด

“ทุกองค์กรมีทั้งคนดี และคนไม่ดี ตำรวจที่เป็นคนไม่ดี ผมยืนยันกับทุกคนว่าถ้าปรากฏข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือผู้ใดก็ตาม ผมจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดไม่มีการช่วยเหลืออย่างแน่นอน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับผมว่าไม่ว่าเป็นใครก็ตามให้ดำเนินคดีให้หมด ผมก็ขอยืนยันด้วยตัวตนของผมว่าจะเด็ดขาดกับผู้ที่กระทำผิดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่บั่นทอนความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอย่างยิ่ง” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าว

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวด้วยว่า วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังถูกพายุกระหน่ำโจมตี ถูกกล่าวหาจากบุคคลภายนอก ว่าตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ในประเทศไทย ตนขีดเส้นใต้คำว่าการกล่าวหาว่าตำรวจเป็นองค์กร นั่นหมายความว่าเป็นการกล่าวหาตำรวจทั้งประเทศ และเป็นการกล่าวหาสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่รุนแรงมาก ถามว่ารู้สึกอย่างไรต้องบอกว่ารู้สึกเจ็บปวด แต่ตนอดทนตั้งสติ และทำงานจากการถูกโจมตีลักษณะนี้มาตลอด แต่การกล่าวหาอย่างรุนแรงเช่นนี้ ตนเชื่อว่าตำรวจทั้งประเทศรับไม่ได้ จะกล่าวหากันอย่างไรก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้คำมั่นสัญญากับนายกรัฐมนตรี ว่าเราจะมุ่งมั่นทำงานก้มหน้าก้มตา และจะปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจนี้ให้บังเกิดผลตามนโยบายของรัฐบาล และความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

Related Posts

Send this to a friend