POLITICS

ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดี IO ผู้ฟ้องเตรียมอุทธรณ์ต่อ มองเป็นก้าวสำคัญ ของการต่อสู้เพื่อสิทธิประชาชน

ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดี IO แต่ยืนยันเอกสารสั่งการของกองทัพเป็นของจริง ผู้ฟ้องเตรียมอุทธรณ์ต่อ มองเป็นก้าวสำคัญ ของการต่อสู้เพื่อสิทธิประชาชน

วันนี้ (30 ต.ค. 68) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ – สฤณี อาชวานันทกุล – วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ยื่นฟ้องกองทัพบกและผู้บัญชาการทหารบก กรณีปฏิบัติการ IO หรือการใช้สื่อออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลโจมตีผู้เห็นต่างทางการเมือง
ศาลเห็นว่า แม้จะมีบัญชีอวตารจำนวนมากโพสต์ข้อความบิดเบือนหรือโจมตีผู้ฟ้อง แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีคำสั่งจากกองทัพโดยตรง หรือเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ในสังกัด จึงพิพากษายกฟ้อง

อย่างไรก็ตาม ศาลยอมรับว่าเอกสารราชการที่สั่งให้ดำเนินปฏิบัติการ IO เป็นเอกสารจริง แม้กองทัพจะอ้างว่าเป็นของปลอม แต่ไม่ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ปลอมเอกสาร ทำให้ผู้ฟ้องมองว่าคำตัดสินครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้า

นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังคำพิพากษา ระบุว่า แม้คำพิพากษาวันนี้ศาลปกครองกลางจะยกฟ้อง แต่เอกสารสั่งการของกองทัพบก ที่มีการสั่งการหนังสือราชการ ระบุให้จัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมืองในมิติเทาและดำ ศาลปกครองกลาง เชื่อว่าเป็นเอกสารจริง รูปแบบและลายเซ็น แม้กองทัพระบุว่าเป็นเอกสารปลอม แต่กองทัพไม่ได้ดำเนินคดีกับผู้ปลอมแปลงเอกสารเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด

“ศาลได้ยินและรับฟังรายงานส่วนหนึ่งของทวิตเตอร์ว่ามีบัญชีปลอมที่ Fake account link to Royal Army เป็นบัญชีปลอมเชื่อมโยงโดยตรงกับกองทัพบก ศาลรู้แล้วว่ากองทัพบกเกี่ยวข้องและมีรายงานทวิตเตอร์กองทัพบกมาด่าเราในทางบวกทางลบ ซึ่งทั้ง 3 คนโดนหมด แต่ศาลบอกว่าการที่มีบัญชีเหล่านี้มาแสดงความคิดเห็น อาจเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว อาจไม่ได้ทำตามคำสั่งก็ได้ ศาลเชื่อแค่นี้จึงยกฟ้อง ข้อเท็จจริงที่เราต่อสู้ศาลเชื่อเรา แต่การโพสต์ให้ความเห็นพิสูจน์ไม่ได้ภายใต้คำสั่งกองทัพหรือหมั่นไส้เราเป็นการส่วนตัว เราจะพิสูจน์ให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ เรามาสุดทางแล้ว ศาลเชื่อหมดแล้วว่าเป็นเอกสารราชการจริง แต่ไม่รู้ว่าคนกดโพสต์คิดอะไร”

นายยิ่งชีพ ยอมรับว่า ความหวังที่จะให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างที่ประชาชนเป็นเหยื่อไอโอตั้งความหวังที่จะหาความยุติธรรมนั้น ยอมรับตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะชนะยาก เพราะบรรยากาศทางการเมือง ถ้าศาลให้เราชนะคดีนี้อาจตบหน้ากองทัพ ซึ่งเราก็เป็นประชาชนจะให้ขึ้นศาลแล้วเท่าเทียมกองทัพบก ก็ยากอยู่แล้ว แต่การต่อสู้ครั้งนี้ศาลเชื่อเราหลายอย่าง ก็ถือว่ามาไกลแล้ว แต่ในฐานะคนธรรมดาที่ถูก ไอโอ จะได้ความยุติธรรมคืนมาแล้วได้ค่าเยียวยา ยังเป็นเรื่องยากมากในประเทศนี้

น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล เห็นว่าคำพิพากษาวันนี้ เป็นความก้าวหน้า เพราะศาลเชื่อเป็นเอกสารจริง คือมีการสั่งการจริงให้ทำปฏิบัติการ IO ในคำตัดสินศาลแยกระหว่างการประชาสัมพันธ์กับการปฏิบัติการ IO แต่ยังไปไม่สุดทาง

“เราจะใช้สิทธิต่อไปในการอุทธรณ์ ส่วนตัวมองว่าการมีคำสั่งแบบนี้ไม่ถูกต้องแล้ว เป็นไปได้อย่างไร ว่าจะไม่มีการดำเนินการตามคำสั่ง แม้จะเป็นความเห็นส่วนตัว ก็ไม่ถูกต้องแล้วและเป็นไปได้อย่างไร ปฏิเสธไม่ได้ต้องมีการปฏิบัติตามตามคำสั่งตามที่ศาลบอกว่าเป็นเอกสารจริง

นายวิญญู วงศ์สรวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ตอนจะฟ้องก็ยอมรับว่าประเด็นเกี่ยวกับเอกสารจะไปถึงจุดไหน จะมีการตัดสินออกมาว่าเป็นของจริงได้ไหม ท้ายที่สุดพอมีการตัดสินออกมาว่าเป็นเอกสารจริง ตนก็เห็นด้วยกับทั้งสองท่าน ว่ามาถึงจุดนี้ได้ก็เป็นก้าวสำคัญ และมองเห็นโอกาสอุทธรณ์

ส่วนกรณีศาลบอกว่าการที่รัฐจะใช้ปฏิบัติการกับประชาชนเป็นการด้อยค่าที่ทำไม่ได้ตามหลักสากลนั้น น.ส.สฤณี กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ศาลพูดถึงประเด็นนี้ เป็นข้อต่อสู้เรา เพราะกองทัพบกอ้างอิงปฏิบัติการข่าวสารของอเมริกาเป็นต้นแบบ เราก็นำเสนอเอกสารจากสหรัฐอเมริกามาอ้างว่า มีการทำปฏิบัติการข่าวสารจริง แต่ไม่ให้ทำกับประชาชน ศาลให้น้ำหนัก ในทางสากลว่าใช้ ไอโอ ทำกับอริราชศัตรู แต่ประชาชนคนเห็นต่างทางการเมืองไม่ใช่ศัตรู จะทำไม่ได้ จึงรู้สึกดีที่ศาลให้น้ำหนักเรื่องนี้

ส่วนคำถามที่ว่ารู้สึกห่วงหรือไม่ที่กองทัพใช้การยกฟ้องนี้เป็นความชอบธรรมที่ทำ IO กับประชาชน นายยิ่งชีพ กล่าวว่า ตนกล่าวไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วในการยื่นฟ้องว่า ต่อให้เราชนะคดีนี้ก็ไม่สามารถหยุดปฏิบัติการไอโอได้แค่กองทัพบก เพราะมีกองทัพอื่น ไอโอไม่สามารถหยุดได้ง่าย เขาก็ไปเปิดโครงใหม่ได้

“เราต้องการคำพิพากษายืนยันว่าสิ่งนี้ผิดทำไม่ได้ ซึ่งช่วงต้นคำพิพากษา ศาลยืนยันว่าหน่วยงานราชการใช้ภาษีไปปฏิบัติการเข่าวสารด้อยค่าประชาชนเพื่อสนับสนุนรัฐบาลทำไม่ได้ คดีนี้สำหรับพวกเราจึงอุทธรณ์ได้ง่าย”

น.ส.สฤณี กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประชาชน แต่การกระทำของเจ้าหน้าที่มาด้อยค่า เป็นทำตามคำสั่งของไอโอหรือเป็นการกระทำส่วนตัว เป็นสิ่งที่เราต้องหาคำตอบต่อไป เพราะเราไม่ได้เจาะจงฟ้องเจ้าหน้าที่ แต่ฟ้ององค์กรและผู้บังคับบัญชา แต่เอกสารที่ศาลบอกเป็นของจริง จึงยอมรับว่าเรามาไกลแล้ว

นายวิญญู กล่าวอีกว่า แน่นอนว่าการที่รัฐธรรมนูญรับรองเสรีภาพเราไว้ และมีเอกสารจริงออกมาจากหน่วยงานภาครัฐ ใช้ภาษีเรา การดำเนินการวันนี้อย่างน้อย แสดงว่าประชาชนคนอื่นที่ถูกคุกคามกระทำการที่เราไม่อยู่นิ่ง ส่งผลที่ดี กับคนที่ถูกกระทำว่าเรามีทางไปต่อ และติดตามกันต่อในการอุทธรณ์ เราเห็นช่องทางว่าไม่หยุดแค่นี้

นายยิ่งชีพ กล่าวขอขอบคุณเอกสารจากคนในกองทัพที่เสียสละอนาคตของตัวเอง จน สส.พรรคประชาชน เอาไปอภิปรายในสภา และได้ผลระดับหนึ่งว่ามีปฏิบัติการนี้จริง และขอบคุณ สส.ที่นำเอกสารมาเผยแพร่สาธารณะ จนนำมาซึ่งการยื่นศาลในคดีนี้

“เราเดินมาได้ถึงจุดนี้ แม้ผลวันนี้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ได้มาหลายก้าว ศาลเชื่อแล้วว่ามีปฏิบัติการไอโอมาด่าเรา ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าโพสต์เหล่านั้นทำโดยส่วนตัวหรือปฏิบัติการ ข้อเท็จจริงฟังโดยยุติแล้วว่าปฏิบัติการมีจริง ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าโพสต์เหล่านี้ ส่วนตัวหรืออยู่ภายใต้ปฏิบัติการ เราจะอุทธรณ์ต่อครับ” นายยิ่งชีพ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend