ภาคประชาชน ยื่นหนังสือถึง ‘พท.-ปชน.’ ร้องนิรโทษกรรมในคดี ม.110 และ 112
วันนี้ (21 ต.ค. 68) เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ยื่นหนังสือถึงพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ในวาระที่สภาผู้แทนราษฎร จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … วาระ 3 โดยขอให้มีการพิจารณานิรโทษกรรมให้ผู้ถูกกล่าวหาในมาตรา 110 และ 112 ด้วย
นายณัฐชนน ไพโรจน์ เป็นตัวแทนเครือข่ายอ่านแถลงการณ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมจำนวน 5 ฉบับ โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน) เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ผลการพิจารณามติรับหลักการพบว่ามีเพียง 3 ฉบับ คือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ที่ สส. รับหลักการ และให้เข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ
จากนั้นในชั้นกรรมาธิการมีการประชุมทั้งหมด 9 ครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 มีการแก้ไขรายละเอียดและเพิ่มฐานความผิดจากเดิม แต่ผลสรุปก็ยังคงยกเว้นความผิดฐานประทุษร้ายพระราชินีตามมาตรา 110 และหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตามมาตรา 112 หลักฐานจำนวนมากชี้ว่าคดีเหล่านี้ที่ยกเว้นการนิรโทษกรรมเป็นคดีทางการเมืองจริง ช่วงปี 2564-2568 คดีประเภทนี้อยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ การไม่รวมมาตรา 112 ขัดกับแนวปฏิบัติการนิรโทษกรรมในอดีต เช่น หลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516, 6 ต.ค. 2519 และพฤษภาคม 2535 ที่นิรโทษกรรมครอบคลุมทุกคดีทางการเมืองโดยไม่แบ่งแยก
การที่ยังคงยกเว้นความผิดฐานประทุษร้ายพระราชินีตามมาตรา 110 และหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตามมาตรา 112 ขณะเดียวกันร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการกลับนิรโทษกรรมให้คดีกบฏและคดีก่อการร้ายที่มีอัตราโทษสูงกว่า รวมถึงคดีแพ่งเกี่ยวกับการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ส่วนคดีที่เกิดจากการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญกลับ ไม่ได้รับการนิรโทษ แม้ว่าชื่อของกฎหมายจะระบุว่า “สร้างเสริมสังคมสันติสุข” แต่กฎหมายนี้จะไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองได้จริง เพราะมีลักษณะเลือกปฏิบัติ โดยใช้นิรโทษกรรมเพื่อช่วยพวกพ้องบางกลุ่ม ขณะที่ประชาชนบางส่วนถูกทอดทิ้งอ้างว่าไม่ใช่เหยื่อของความขัดแย้งหรือไม่ใช่จำเลยคดีการเมือง
ปัญหานี้ยังมีทางออก เนื่องจากมีผู้สงวนความเห็นและสงวนคำแปรญัตติไว้ให้การนิรโทษกรรม รวมความผิดฐานประทุษร้ายพระราชินีตามมาตรา 110 และหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตามมาตรา 112 เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนขอเรียกร้องต่อพรรคการเมืองทั้งสามพรรค ในฐานะที่เป็นพรรคที่มีจำนวน สส. มากที่สุด ให้พิจารณาเห็นชอบตามข้อสงวนที่ให้การนิรโทษกรรมรวมมาตรา 110 และ 112 เพื่อให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมทุกคน ทุกคดีทางการเมือง ไม่แบ่งแยกตามสีเสื้อหรือความเชื่อทางการเมือง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ทุกคน แก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง กลับความอยุติธรรมให้กลายเป็นความยุติธรรม ให้เกิดการนิรโทษกรรมอย่างเท่าเทียม และสร้างเสริมสังคมสันติสุขได้อย่างแท้จริง
นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ในฐานะตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของประเทศที่จะมีการพิจารณากฎหมายที่หลายคนให้ความสนใจคือ กฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม จึงอยากให้มีการติดตามการอภิปรายและการผ่านร่างกฎหมายนี้ มีเพียงไม่กี่มาตราที่เป็นมาตราสำคัญคือ มาตรา 3 ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่เปลี่ยนไป อาจจะมีแนวโน้มที่ดี
นายรังสรรค์ มณีรัตน์ สส. ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลักการของกฎหมายฉบับนี้จะนิรโทษความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองและการแสดงออกทางการเมือง โดยข้อคิดเห็นอื่น ๆ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนจะนำไปหารือร่วมกันเพื่อที่จะมีมติต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร พร้อมย้ำว่าเรายินดีที่จะช่วยเหลือเหยื่อทางการเมือง












