POLITICS

ประท้วงวุ่น ‘พ.ต.อ.ทวี’ อภิปรายคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. สส.ภท. บอกไม่เกี่ยวนโยบายรัฐบาล

ประท้วงวุ่น! ‘พ.ต.อ.ทวี’ อภิปรายคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. สส.ภท. บอกไม่เกี่ยวนโยบายรัฐบาล สว. ช่วยแย้งขอให้ประธานวุฒิสภาทำตัวเป็นกลาง ‘อย่าร้อนตัว’

วันนี้ (29 ก.ย. 68) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะฝ่ายค้าน ได้อภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จากที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะเป็นรัฐบาล 4 เดือน แต่จากนโยบายเหมือนจะอยู่ 4 ปี และเริ่มพร้อมงบประมาณ 1 ต.ค. 69 พร้อมงบประมาณใหม่ 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการแถลงโยบายที่ ‘อย่าขายฝัน’ เป็นนโยบายของคนโกหก เพราะถ้ามีนโยบายแล้วไม่มีงบประมาณ ยิ่งเลวร้าย

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในเวลา 4 เดือนรัฐบาลจะต้องคิดใน 4 เดือนยุบสภา ต้องคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลควรจะทำคืออะไร ต้องทำอะไร ไม่ควรทำอะไร และสิ่งที่รัฐบาลต้องไม่ทำอะไร โดยระบุว่า สิ่งที่ควรทำอะไร คือต้องประกาศให้เห็นว่า คณะรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต รัฐบาลต้องบริหารงบประมาณ 3.78 ล้านล้าน รัฐบาลควรไปทำงานประจำให้ดีขึ้น เพราะเวลา 4 เดือนเท่านั้น

“ส่วนสิ่งที่รัฐบาลไม่ควรทำ คือไม่ใช้กฎหมายอยู่เหนือความยุติธรรม การไม่ใช้อำนาจไปแทรกแซงใดๆ อย่างที่ท่านแถลงว่าจะรักษาหลักยุติธรมอย่างเคร่งครัด ให้ถือว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยเฉพาะการใช้กฎหมาย ในหลักกฎหมายจะดีแค่ไหน แต่ถ้าคนเข้ามาไม่สัตย์ซื่อ ไม่ธำรงไว้ในหลักยุติธรรม กฎหมายนั้นไม่มีประโยชน์ เราจะเห็นรายชื่อของ คณะรัฐมนตรีหลายคน มีความสงสัยในความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เชื่อว่าจะมีเพื่อสมาชิกหยิบประเด็นนี้ขึ้นมา”

พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ประสบการณ์ส่วนตัว อย่างน้อยมีรัฐมนตรี 7-8 คน ที่มีความน่าห่วงใย ตนจึงจะหยิบเรื่องใน 4 เดือนที่เห็นว่าเป็นเรื่องที่อาจจะทำ ไม่ใช่แค่ความห่วงใย แต่เห็นว่าเป็นเสถียรภาพของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการ ทั้ง 2 เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีปฏิเสธไม่ได้

“เรื่องแรกที่ฝาก นายกรัฐมนตรีคือ อดีตเป็นบทเรียน ผมเชื่อว่านายกฯ และรองนายกฯ บวรศักดิ์ ออกมายืนยันแล้วว่าที่ดินเขากระโดงที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบางคนว่าไม่เกี่ยวกับกรมที่ดิน เกี่ยวกับ กระทรวงคมนาคมที่คุมการรถไฟ”

พ.ต.อ.ทวี ได้ยกคำพิพากษาศาลยุติธรรม 9 ฉบับ โดยมีผู้พิพากษา 24 ท่าน ที่ต่างเป็นนักปราชญ์ด้านที่ดิน ออกมาตัดสินแล้วว่า ที่ดินเขากระโดง กว่า 5,000 ไร่เป็นที่ดินการรถไฟที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ และที่ดินรถไฟเกิดมาก่อนประมวลกฎหมายที่ดิน แต่เมื่อผู้พิพากษา 24 คน ผ่านการตัดสิน 9 คำพิพากษา บอกว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินการรถไฟ ล้นเกล้า ร.6 พระราชทาน อ่านแล้วน้ำตาจะไหลว่าเราจะช่วงชิงที่ดินนี้เชียวหรือ และศาลที่สั่งครั้งสุดท้าย คือศาลปกครอง และคู่ความไม่ได้อุทธรณ์ พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องที่ 2 คืออธิบดีกรมที่ดิน

แต่ไม่ทันที่ พ.ต.อ.ทวี จะพูดจบ นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส. จ.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วง ว่า วันนี้นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาล ไม่มีประเด็นเหล่านี้ ในนโยบาย เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่าไม่แทรกแซง ไม่มีใครแทรกแซง ตัวท่านต่างหาก ที่แทรกแซง จนศาลสั่งปฏิบัติหน้าที่

พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า การอภิปรายเรื่องนี้ เพราะอยากให้บริหารให้ดี เพราะเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ก็เป็นหน้าที่โดยตรง ซึ่งการที่ศาลปกครองบอกให้กรมที่ดิน ทำตาม ม.61 ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรมที่ดิน ที่ถือเป็นรัฐ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ตั้งกรรมการแต่ไม่สำรวจแนวเขต ทั้ง ๆ ที่ถูกตัดสินจาก 9 ศาลแล้ว แต่กรรมการชุดนี้ทำตามอำเภอใจไม่ฟังคำพิพาษาศาล

พ.ต.อ.ทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ใน 21 ต.ค. 67 อธิบดีกรมที่ดินสั่งไปยุติ ทั้งที่การรถไฟฯ กำลังสำรวจ แต่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้ครบ เป็นเหตุให้นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องมาดูให้ทำ และมีคนไปร้องทุกข์ว่าสนามกีฬาช้างอารีนามีร่องรอยสร้างทับที่ ในวันที่ 3 ก.ย. 68 ก่อน ในวันที่ 5 ก.ย. 68 เป็นวันที่เลือกนายกรัฐมนตรี แต่หลังจากนั้นกรมที่ดินไปขอยุติ

จากนั้นก็เกิดการประท้วงวุ่นของ สส. พรรคภูมิใจไทย ทั้งนายสนอง รวมถึง น.ส.แนน บุญญิตา สมชัย สส. อุบลราชธานี ที่ย้ำว่า การอภิปรายของ พ.ต.อ.ทวี ไม่ได้อยู่ในนโยบายของรัฐบาล ขณะที่ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส. พรรคประชาชาติ ลุกขึ้นประท้วงกลับว่า ว่าผู้ประท้วงไม่ระบุข้อบังคับ

ทำให้นายสนอง ออกมาระบุว่า เป็นการประท้วงว่าอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก ฟุ่มเฟือย โดยขณะนั้น นายมงคล สุรสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

ต่อมา พ.ต.อ.ทวี กล่าวย้ำว่า การอภิปรายคดีเขากระโดง อยู่ในนโยบายที่รัฐบาลระบุว่าจะไม่ใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง พร้อมยืนยันว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน เกี่ยวกับประโยชน์ทางการเมือง เพราะนายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็มีบ้านอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ มีที่ดินอยู่ในที่นี้ด้วย จึงอยากฝากนายกรัฐมนตรีว่าจะไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง แต่ส่งผลกระทบความเสียหายของรัฐที่การรถไฟ สูญเสียที่ดินกว่า 5,000 ไร่ ทำให้โฉนดเป็นโมฆะเป็นการบ่อนทำลายหลักนิติธรรมนิติรัฐ

หลังจากนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้อภิปรายเรื่องคดีฮั้ว สว. โดยย้ำว่าเป็นการกระทบเสถียรภาพฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารที่กระทบไปถึงองค์กรอิสระ แต่หลังจากอภิปรายไม่นาน สส. พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นมาประท้วง เริ่มจาก นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส. จ.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ที่ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่อยู่ในนโยบายรัฐบาล ทำให้ ประธานในที่ประชุม มาย้ำด้วยว่า ขอให้ พ.ต.อ.ทวี อภิปรายในประเด็นเพราะ เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คดีฮั้ว สว. ยังเกี่ยวกับคนในคณะรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับคดีอั้งยี่ด้วย และมีหลักฐานโพยฮั้ว จนถูกประท้วงอีกครั้ง ทำให้ประธานในที่ประชุมว่า รัฐบาลยังไม่บริหารประเทศ ขอให้เข้าประเด็น

จากนั้น นายอดิศร เพียงเกษ สส. พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่าการฮั้ว สว. เกี่ยวข้องกับประธานในที่ประชุม นายมงคล สุระสัจจะ ขอให้งดการทำหน้าที่ เพราะจะไม่เป็นกลาง ขอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มาทำหน้าที่เป็นประธาน

หลังจากนั้น นางนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ก็ร่วมประท้วงด้วย โดยเห็นว่า ผู้อภิปรายได้อภิปรายนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้แล้วในประเด็นนิติรัฐนิติธรรม โดยถามว่ารัฐบาลจะทำได้อย่างไร เพราะมีคนที่เกี่ยวข้องกับคดีความต่างๆ และในจำนวนนั้นมีประธาน มีชื่อในผู้ถูกกล่าวหาในคดีฮั้ว สว. จึงเข้าใจว่าคนที่ประท้วงมีความร้อนตัวเพราะมีคดีความ ขอให้ประธานวินิจฉัยด้วยความเป็นกลาง

หลังจากนั้นมีการประท้วงวุ่นวายอีกระยะ และนายมงคล ในฐานะประธานที่ประชุม อนุญาตให้ พ.ต.อ.ทวี อภิปรายจนจบ โดยย้ำว่าในคดีฮั้ว สว. มีผู้ถูกกล่าวหา ที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีขออย่าให้ไปแทรกแซงคดี ตามที่มีเวลาเพียง 4 เดือน เพราะเป็นมหันตภัยที่ไม่เคยเกิดในสังคมไทย พร้อมฝากที่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายกัญชา ทำให้เป็นตราบาปของสังคมไทย ถ้าเราไม่ควบคุมจะเป็นหายนะของสังคมไทย

Related Posts

Send this to a friend