DEEPSOUTH

‘กัณวีร์‘ แนะ 5 ข้อ แก้ปัญหาส่วยสัญชาติ ปราบคอร์รัปชัน

‘กัณวีร์‘ แนะ 5 ข้อ แก้ปัญหาส่วยสัญชาติ ปราบคอร์รัปชัน – ออกมาตรการ – ตั้งอำเภอเคลื่อนที่ – จัดสรรงบ – กำหนดกรอบเวลาแก้ปัญหา จี้ รัฐบาลใหม่ เอาคนผิดมาลงโทษ

วันนี้ (17 ก.ย. 68) นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องส่วยสัญชาติ ว่า ก่อนที่จะมีส่วยสัญชาติ เป็นส่วยอย่างอื่นก่อน เพราะมติ ครม. ในวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ออกให้คนต่างด้าวที่มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นการถาวร จำนวน 483,626 คน ได้รับสัญชาติ ดังนั้น คนเหล่านี้โดนกระทำมาตลอด โดนเรียกเก็บส่วย เนื่องจากไม่มีสถานะบุคคลในประเทศไทย บัตรประชาชนไม่มี การเดินทางไปไหนมาไหนโดนเก็บส่วยตลอดเวลา จึงต้องเอาสัญชาติให้คนเหล่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการมองมนุษย์ เป็นมนุษย์แล้ว แต่จากนั้นก็มีกระบวนการที่ไม่ชัดเจนจากกระทรวงมหาดไทย ไม่มีมาตรการออกมาว่าจำนวน 400,000 กว่าคนนี้ จะทำอย่างไรบ้าง รู้อย่างเดียวว่าจะรวบรวมรายชื่อในแต่ละจังหวัดว่ามีกี่คน ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็เป็นช่องว่างให้คนที่มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง เป็นโบรกเกอร์รับเงิน ถ้าไม่มาหาพวกเรา คุณจะไม่สามารถมีชื่อ และไม่สามารถดำเนินการที่อำเภอได้ จึงกลายเป็นประเด็นและมีคนแจ้งเข้ามาผ่านตนเอง บางคนโดนไป 3,000 – 40,000 บาท เมื่อหารค่าเฉลี่ยออกมาแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทต่อคน รวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท เป็นส่วนที่เราไม่สามารถหาได้ว่าใบเสร็จอยู่ที่ไหน

นายกัณวีร์ ระบุอีกว่า ตนเองลงพื้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย เข้าไปในหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับการเรียกร้องเงินทองต่าง ๆ นานา โดยเมื่อพูดคุยกันแล้ว จึงสรุปได้ว่าควรไปที่อำเภอ เพื่อถามถึงความชัดเจนว่ามาตรการเป็นอย่างไร จากเดิมนัดกันไว้ 30 – 40 คน แต่เมื่อถึงเวลากลับมีกว่า 160 คน ทุกคนเริ่มมีความมั่นใจว่ามีผู้ที่รับใช้ประชาชนเดินหน้าไปกับเขา และสามารถเผชิญหน้าได้ และได้เจอปลัดอาวุโส ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก็ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องมีการเรียกรับเงิน และไม่ต้องมีโบรกเกอร์ จึงได้แจ้งมาตรการต่าง ๆ ให้ทราบ และได้เห็นว่าในแต่ละอำเภอมีความแตกต่างกัน

นายกัณวีร์ ยังยกตัวอย่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีมาตรการว่า เมื่อมีรายชื่อ ก็ไปยื่นให้แต่ละหมู่บ้าน เพื่อนัดวันในแต่ละรอบนำชื่อเข้าสู่ทะเบียนราษฎร์ และออกบัตรประชาชนให้ซึ่งมีมาตรการที่ครอบคลุม ส่วนอำเภออื่น ๆ ไม่มีมาตรการ ตนเองหารือประธานสภา และมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ

1.ปราบคอร์รัปชัน โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จำเป็นต้องออกมาตรการมาปราบปรามคอรัปชั่นตรงนี้ให้ได้ เพราะขณะนี้ พี่น้องประชาชนคนชาติพันธุ์ ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้เงิน 3,000 – 4,000 บาท ดังนั้น ต้องปรับให้ได้ว่าต้นตออยู่ตรงไหน หากข้าราชการของกระทรวงมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องหาให้ได้ว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

2.การปราบปรามคอร์รัปชัน จะต้องสร้างมาตรการเพื่อกำจัดช่องว่างตรงนี้ให้ได้

3.จำเป็นจะต้องมีอำเภอเคลื่อนที่ เดินหน้าไปหาพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนมาหา เพราะมีข้อมูลว่าในแต่ละอำเภอมีกี่คน

4.การจะมีอำเภอเคลื่อนที่ได้ จะต้องมีงบประมาณกำลังพล และอุปกรณ์ ซึ่งต้องจัดสรรให้ได้ ให้จัดสรรงบประมาณให้กับคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

5.ตอนนี้เราไม่ทราบกรอบระยะเวลาในการดำเนินงาน ก็ต้องชี้แจงมาให้ได้

ดังนั้น 5 ข้อนี้ จะสามารถทำให้ส่วยสัญชาติหายไป พร้อมยอมรับว่า กรอบมาตรการในแต่ละอำเภอก็แตกต่างกัน อย่างในอำเภอสังขละบุรี ขณะนี้ดำเนินการเสร็จแล้ว เหลือเพียงแค่ผู้ที่ตกหล่นเท่านั้น แต่ในอำเภอฝาง ให้ประชาชนเดินไปที่อำเภอเอง ซึ่งก็มีหลายคนไม่มั่นใจ เนื่องจากเป็นพี่น้องชาติพันธุ์ ไม่เคยเดินทางเข้าไป และหลายครั้งที่เดินทางไปก็จะบอกว่ายังไม่ผ่านผู้ใหญ่บ้าน บัตรคิวก็ไม่มี กลายเป็นว่าเป็นการลักลั่นในเรื่องมาตรการ และมาตรฐาน

นายกัณวีร์ ระบุว่า หากส่วนกลาง คือกระทรวงมหาดไทย สามารถออกมาตรการที่จะสามารถทำใบเข้าทะเบียนราษฎร์ได้ จะเป็นทำให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้

ส่วนส่วยที่จ่ายไปให้ใครนั้น เท่าที่ตนเองได้ข้อมูลมา เจ้าหน้าที่รัฐอย่างฝ่ายอำเภอ ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จะมีตัวกลางระหว่างหมู่บ้าน ถึงอำเภอ ซึ่งต้องหาว่าตัวกลางนี้คือใคร โดยเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกรัฐมนตรี จะต้องส่งคนไปอธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องลงไปตรวจสอบให้ได้

นายกัณวีร์ ยังยกตัวอย่าง เมื่อตนเองลงพื้นที่แล้วมีข่าวออกมานั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกมาตรการออกมา 5 มาตรการ ในการแก้ไขปัญหา และดูแลปัญหาคอรัปชั่นต่าง ๆ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่รับลูก เพราะเพิ่งได้รับตำแหน่ง และหากเป็นแนวทางเดียวกันที่ได้มาจากอธิบดีกรมการปกครอง หรือกระทรวง หรือส่วนกลาง ให้ทุกจังหวัดทำเหมือนกันจะดีกว่า

นายกัณวีร์ ยังเรียกร้องไปถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า ต้องนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะสามารถมีความชอบธรรมในการทำงานได้ ส่วนที่ตนเองพูดถึงกว่า 2,500 ล้านบาท หากสามารถปรับส่วนนี้ได้ จะทำให้นายอนุทิน มีความชอบธรรมเกิดขึ้น และยังรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีความรับผิดชอบโดยตรงในเรื่องทะเบียนราษฎร์ และการให้สัญชาติ จึงจำเป็นต้องลากคอคนพวกนี้ออกมาว่าไปเก็บเงินพวกเขาได้อย่างไร

“การหากินบนเรื่องเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ รับไม่ได้ พี่น้องประชาชนพ่อบอกว่าเป็นคนต่างด้าวถิ่น พำนักถาวรในประเทศไทย คนต่างด้าวที่หมายถึงนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนที่ตกหล่น ไม่ได้อยู่ในทะเบียนราษฎร์ พวกเขาอยู่ในบริเวณชายขอบ ที่ในอดีตไม่สามารถเข้าถึงอำเภอได้ ดังนั้น คนบริเวณนั้นมีความเกรงกลัวอยู่แล้ว และความห่างไกลก็ทำให้ตกหล่น บางคนอยู่มาก่อนพวกเราด้วยซ้ำ แต่เขาไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานส่วนนี้ได้ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยเหลือพวกเขา เพราะพวกเขาคือคนไทยเหมือนพวกเราทุกคน” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ ยังฝากการบ้านถึงรัฐบาลชุดใหม่ในการยุติการไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ว่า เมื่อเรามีมติ ครม. ในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้นั้น ในเวทีต่างชาติต่างชื่นชมว่าประเทศไทยเป็นประเทศต้น ๆ ที่ยุติการไร้สัญชาติ จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ให้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ กว่า 400,000 คนนี้เป็นล็อตแรก ยังมีพี่น้องที่ตนเองมีข้อมูลจากองค์กรสหประชาชาติอีก 600,000 กว่าคน ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน การเร่งเรื่องนี้จะทำให้เรามีจุดยืนที่สง่าผ่าเผยในเวทีระหว่างประเทศ และพวกเขาเป็นคนไทยเหมือนพวกเรา ถ้าคนไทยไม่ช่วยกัน แล้วใครจะช่วยเรา

Related Posts

Send this to a friend