FOOD - DRINK

แกร็บ เดินเกมรุกตลาด Dine Out หลัง Revenge Dining ทำยอดโต 250% ส่งแคมเปญใหม่เจาะกลุ่มพรีเมียม

แกร็บฟู้ด ประกาศยกเครื่องฟีเจอร์ ‘กินที่ร้าน’ (Dine Out) ครั้งใหญ่ หลังเข้าเทคโอเวอร์ ‘Chope’ แพลตฟอร์มจองร้านอาหารชั้นนำของเอเชียในปีที่ผ่านมา ผุดบริการใหม่ ‘จองโต๊ะร้านอาหาร’ (Dine Out Book Table) เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม ควบอัปเกรดขายดีลส่วนลดกว่า 3,000 ร้าน ส่งแคมเปญ ‘ดีลดี มีโต๊ะ’ ปลุกกระแสกินข้าวนอกบ้าน ใช้ออมนิคอมเมิร์ส (Omnicommerce) สร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อมัดใจสายกินนอกบ้าน ไฮไลต์สิทธิประโยชน์ที่ผู้บริโภคมองข้าม

นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “แกร็บเปิดตัวบริการกินที่ร้านในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566 เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชอบออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ หลังวิกฤติโควิด-19 หรือเทรนด์ที่เรียกว่า Revenge Dining โดยในช่วงแรกเราเน้นไปที่การขายดีลส่วนลดจากพันธมิตรร้านอาหาร ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน โดยในปีที่ผ่านมา มียอดการซื้อดีลเพื่อกินที่หน้าร้านเติบโตขึ้นกว่า 250% ทั้งนี้หลังเข้าซื้อกิจการของ Chope ในปีที่ผ่านมา เราได้ผสานจุดแข็งทั้งด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายร้านอาหารของทั้งสองบริษัท ทำให้วันนี้แกร็บสามารถให้บริการ Dine Out ได้อย่างเต็มรูปแบบ ครอบคลุมทั้งการจองโต๊ะร้านอาหารและการขายดีลส่วนลดสำหรับการไปกินที่ร้าน เพื่อนำเสนอประสบการณ์แบบไร้รอยต่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาทั้งความสะดวกสบายและความคุ้มค่าภายในแอปพลิเคชันเดียว”

สำหรับกลยุทธ์การให้บริการ Dine Out ใหม่นี้ แบ่งการเจาะตลาดออกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน โดยส่วนแรกคือบริการ ‘จองโต๊ะร้านอาหาร’ (Dine Out Book Table) ซึ่งมุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงบนที่มีกำลังซื้อและมองหาประสบการณ์มื้อพิเศษ โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 500 – 1,500 บาทต่อคน แกร็บได้ร่วมมือกับร้านอาหารกว่า 500 แห่งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ครอบคลุมตั้งแต่ร้านไฟน์ไดน์นิ่งไปจนถึงร้านอาหารยอดนิยม พร้อมมอบสิทธิพิเศษ เช่น เมนูจานพิเศษฟรี และส่วนลดบริการเรียกรถเพื่อเดินทางไปยังร้านอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Power of Superapp ที่เชื่อมโยงบริการใน Ecosystem เข้าไว้ด้วยกัน

ส่วนที่สองคือบริการ ‘ดีลส่วนลด’ (Dine Out Deals) ที่ตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกร้านอาหาร โดยมีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 2,500 แห่ง นำเสนอดีล 2 รูปแบบหลักคือ Voucher Deals สำหรับซื้อล่วงหน้า และ Total Bill Discount สำหรับใช้เป็นส่วนลดทันทีที่ร้าน ดีลเหล่านี้ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่รับประทานคนเดียว (Solo Treats) ซึ่งนิยมดีลแบบเซ็ตเมนู, กลุ่มคู่รัก (Couple Dine Out) ที่มองหาดีลจากคาเฟ่และร้านอาหารบรรยากาศดี และกลุ่มที่มาเป็นหมู่คณะ (Group Gathering) ซึ่งนิยมดีลจากร้านบุฟเฟ่ต์และปิ้งย่าง

“เพื่อเปิดตัวบริการ Dine Out เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ แกร็บได้ส่งแคมเปญใหญ่ ‘ไม่พลาด ดีลดี มีโต๊ะ’ (The Missing Deals & Table) ในช่วงไตรมาสสาม โดยมุ่งสื่อสารถึงสิทธิประโยชน์ที่ผู้บริโภคอาจมองข้ามไป ทั้งมูลค่าของดีลส่วนลดค่าอาหารที่สูญไป หรือเวลาที่เสียไประหว่างรอโต๊ะเพราะไม่ได้จองล่วงหน้า โดยเราใช้กลยุทธ์การตลาด 360 องศาเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง พร้อมปลุกกระแส FOMO ผ่านการใช้สื่อและกิจกรรมออฟไลน์สุดสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ อาทิ กองดีลมหึมาใจกลางลานพาร์คพารากอน รถบรรทุกดีลที่วิ่งทั่วกรุงเทพฯ และบิลบอร์ดในย่านร้านอาหารยอดนิยม พร้อมจัดเต็มแคมเปญโฆษณาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม” นายพนมกร กล่าว

Related Posts

Send this to a friend