‘ภัณฑิล’ หวังคดี ‘พิเชษฐ์’ เป็นบรรทัดฐาน ให้ สส.อย่ามีส่วนได้ส่วนเสียงบประมาณฯ
‘ภัณฑิล’ หวังคดี ‘พิเชษฐ์’ เป็นบรรทัดฐาน ให้ สส.ระวังตัว เป็นฝ่ายตรวจสอบ อย่ามีส่วนได้ส่วนเสียงบประมาณแผ่นดิน ลั่นโชคดีความเสียหายยังไม่บานปลาย
วันนี้ (1 ส.ค. 68) นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. ให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไท และรองประธานสภาคนที่ 1 พ้นสมาชิกภาพการเป็น สส.และเพิกถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง 10 ปี
นายภัณฑิล ระบุว่าเป็นไปตามที่ตนเองได้ยื่นไป จากที่เคยอภิปรายวาระเรื่องการมีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวข้องกับงบประมาณในการแปรญัตติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 สส.ไม่สามารถมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแปรงบประมาณในเขตพื้นที่ตนเองได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
เมื่อถามว่าได้นายภัณฑิล จะตรวจสอบการใช้งบประมาณของใครอีกบ้าง นายภัณฑิล ระบุว่า ข้าราชการสภาฯ ก็คงลำบากใจที่จะทำต่อ เสี่ยงผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ทีมฝ่ายประจำทำปกติ แต่เป็นโครงการที่มีความพิเศษ หากติดตามการพิจารณางบประมาณ ปี 69 พบว่างบสภาฯ มีการถูกตัดมากที่สุดในประวัติการณ์ถึง 700 ล้านบาท ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ น่าจะเป็นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่อยากให้ฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบการใช้งบประมาณของฝ่ายบริหาร
“ถือว่าการทำงานของผมในสถานะ สส.สัมฤทธิ์ผลระดับหนึ่ง เป็นการป้องกันในอนาคต ใครอยากจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับงบประมาณ การวิ่งเต้นงบประมาณก็ต้องระวังมาก ๆ”
นายภัณฑิล ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าจะมีโครงการลักษณะนี้อีกหรือไม่ เรื่องนี้ตนเองตรวจสอบตามมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นผู้ใช้งานอาคารรัฐสภา และองคาพยพทั้งหมดที่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ดังนั้นต้องพึงระวัง รวมถึงการตรวจสอบงบประมาณอื่น ๆ ที่มีการแปรเปลี่ยน ในสภาฯ ยังมีอีกเยอะมาก แต่ก็ถูกยับยั้งไว้หมด เป็นเรื่องที่โชคดีที่ความเสียหายยังไม่บานปลายไปมากกว่านี้
เมื่อถามว่าหวังให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานกับ สส. หรือคนที่มีตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ ที่อาจประพฤติโดยไม่ชอบหรือไม่ นายภัณฑิล กล่าวว่า เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เราต้องแยกผลประโยชน์สาธารณะ ผลประโยชน์ส่วนตัว และการใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชนไปใช้ หรือมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงและอ้อม ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานให้ สส.อย่างตนเองหรือสมาชิกต้องระมัดระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เราเป็นฝ่ายตรวจสอบ เราจะตำหนิติเตียนตรวจสอบคนอื่นและเป็นเสียเองคงไม่ได้ เราเป็นเสาหลักในสามอำนาจ ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
ส่วนจะมีการรื้อโครงการเก่า ๆ ของนายพิเชษฐ์ ในรัฐสภาหรือไม่นั้น คงต้องติดตามการใช้งบประมาณต่อไปว่าจะถูกขุดขึ้นมาหรือไม่ เพราะมันสิ้นเปลือง ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทำอะไรใหญ่โต มีหลายโครงการที่ถูกเบรก หลายโครงการก็ผูกพัน แต่เราชะลอได้บางส่วน












