‘พงศ์กวิน’ หารือแนวทางช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลกรณีฉุกเฉิน
‘พงศ์กวิน’ หารือแนวทางช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลกรณีสถานการณ์ฉุกเฉิน เผย อิสราเอลยังต้องการแรงงานไทย 10,000 อัตรา
นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประชุมหารือร่วมกับนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ พร้อมด้วยผู้ได้รับอนุญาตจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอล ภาคเกษตร กว่า 17 บริษัท และกรมการจัดหางาน เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 68 เพื่อหาแนวทางการป้องกันและช่วยเหลือแรงงานไทยในรัฐอิสราเอลกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายพงศ์กวิน กล่าวว่า หลังจากกรมการจัดหางานได้ยกเลิกการชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในรัฐอิสราเอลทุกวิธีการเดินทาง ยังมีหลายภาคส่วนห่วงเรื่องความไม่ปลอดภัยหากส่งแรงงานไทยกลับไปทำงาน จึงหารือถึงมาตรการความปลอดภัยในการจัดส่งแรงงานไทยกลับไปทำงาน เพื่อซักซ้อมความร่วมมือ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีภัยอันตรายใด ๆ อีกทั้งได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือหลายระดับจำแนกเป็น
สีเขียว สถานการณ์ปกติ จะเตรียมพร้อมรวบรวมข้อมูลของผู้ประสานงานเพื่อเป็นฐานข้อมูลของสำนักงาน
สีเหลือง ระดับเริ่มมีข่าวความไม่สงบในพื้นที่จำกัด จะประชาสัมพันธ์ให้แรงงานในพื้นที่เตรียมพร้อมด้านเอกสารเดินทาง สร้างความเข้าใจให้กับแรงงานในพื้นที่
สีส้ม เป็นเหตุมีความไม่สงบรุนแรง แต่ยังไม่สร้างความเสียหายกับสาธารณูปโภค จะมีการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และแจ้งให้แรงงานได้รับทราบ รวมถึงแจ้งเตือนผ่านเครือข่าย
สีแดง ระดับสูงสุด เป็นระดับที่มีความไม่สงบรุนแรง ได้รับการโจมตีเสียหาย จะทำงานร่วมกับสถานทูตในการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยใช้การเดินทางทางอากาศเป็นหลัก หากปิดน่านฟ้าจะใช้การเดินทางทางบกไปยังประเทศที่สามเพื่อบินกลับสู่ประเทศไทย
ทั้งนี้ อิสราเอลยังต้องการแรงงานไทย โดยภาคก่อสร้างต้องการ 2,000 อัตรา ภาคอุตสาหกรรมยังขาดแคลนจำนวนมาก เพิ่มได้ประมาณ 2,800 อัตรา ภาคบริการต้องการ 5,000 อัตรา รวมแล้วประมาณ 10,000 อัตรา ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำของอิสราเอลอยู่ที่ 60,000 บาท
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานกำหนดให้นายจ้างต้องมีแผนในการอพยพก่อนเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งโดยปกติอิสราเอลมีระบบการเตือนภัยที่ดี ก่อนเดินทางไปทำงานจะประชาสัมพันธ์ให้แรงงานไทยโหลดแอปฯ ‘SMART TOEA’ เปิดการติดตามตำแหน่ง เพื่อให้ทราบพิกัดของแรงงาน













