POLITICS

‘กุสุมาลวตี‘ ฟาดกลับ ‘อนุทิน’ ปมฮั้ว สว.-เขากระโดง ไม่หวั่นอิทธิพล

‘กุสุมาลวตี‘ ฟาดกลับ ‘อนุทิน’ ปมฮั้ว สว.-เขากระโดง ไม่หวั่นอิทธิพลนักการเมือง ลั่น “รวยกว่าอนุทินร้อยเท่าในด้านอุดมการณ์” ย้ำ ทำเพื่อประชาชน-ความถูกต้อง

วันนี้ (14 ก.ค. 68) ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. เดินทางเข้าศาล หลังศาลนัดไต่สวนคดีที่พรรคภูมิใจไทยเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางกุสุมาลวตีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่นางกุสุมาลวตีกล่าวหาว่านายอนุทินเกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และประเด็นพื้นที่เขากระโดง

นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า วันนี้ต้องการเข้ามาเพื่อเผชิญหน้ากับนายอนุทินโดยตรง เพราะคนทำผิดมาฟ้องคนทำถูก มันถูกต้องแล้วหรือไม่ และการที่ตนเองยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยตามหน้าที่ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่ทำไปเพราะได้เห็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เคารพกติกา ตั้งแต่สมัยที่ตนเองร้องเรียนเรื่องฮั้ว สว. ตอนนั้นความจริงยังไม่เปิดเผย และวันนี้ 220 กว่าคน ที่เกี่ยวกับการฮั้ว สว. ก็ถูกคณะอนุกรรมการได้พิจารณาความผิดเรียบร้อยแล้วเพื่อที่จะนำส่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหญ่ ส่งศาลต่อไป

นางกุสุมาลวตี ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเป็นพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้ว สว. ย้ำว่า ตนเองปฏิบัติหน้าที่ของพลเมืองไทยคนหนึ่ง แต่ถามพรรคภูมิใจไทยว่าการที่เป็นพรรคการเมืองต้องมีหัวใจที่รักประชาชน แต่สิ่งที่ได้ยินเท่าที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเขากระโดง หรือการทุจริตในเรื่องของถนนปลอดฝุ่น และอีกหลาย ๆ เรื่องก็ต้องมีความรับผิดชอบ

“วันนี้หากคนคนนี้ จะขอเป็นนายกฯ ถามว่าคุณธรรมจริยธรรม มีมากน้อยแค่ไหนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ดิฉันสงสารประเทศไทย และประชาชน หากเรายังมีนักการเมืองที่จะเข้ามา เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แต่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ“ นางกุสุมาวตี กล่าว

นางกุสุมาวตี ยังย้ำอีกว่า ในเรื่องนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีการฟ้องร้องหรือฟ้องหมิ่นประมาทกัน แต่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้กล่าวหาตนในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง และวันนี้ความจริงได้ปรากฏแล้วว่าสิ่งที่นายอนุทินทำ และที่ตนเองพูดนั้นเป็นความจริง ซึ่งวันนี้ กกต. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และอัยการก็ได้เห็นข้อมูลพรรคภูมิใจไทยทั้งหมดแล้ว แต่วันนี้พรรคภูมิใจไทยก็ยังมาฟ้องตนเองในเรื่องใด หากวันนี้พรรคการเมืองทุกพรรคการเมืองไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร

“พรรคการเมืองขณะนี้มีแต่นายทุน คนที่มาเป็นรัฐมนตรีก็มีแต่นายทุน ประชาชนจะอยู่อย่างไร นายทุนทั้งนั้นที่เป็น สส. เป็นรัฐมนตรี แต่คนที่ทำงานจริงจังไม่มีโอกาสเลย และยิ่งมีคนจะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีถามว่า คุณธรรม จริยธรรม มีมากน้อยแค่ไหน จริงอยู่ว่าเขามีความร่ำรวย แต่ดิฉันอยากจะเรียนว่า ดิฉันรวยกว่าอนุทินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า แต่ดิฉันร่ำรวยด้านอุดมการณ์ ดิฉันไม่เคยทุจริต ไม่เคยคอร์รัปชั่น“ นางกุสุมาลวตี กล่าว

นางกุสุมาลวตี ยังกล่าวอีกว่า ตนเองจะไปทุกที่ ทุกแห่ง เพื่อขจัดคน ๆ นี้ไม่ให้มากัดกินประเทศไทยเพราะกระบวนการทุจริต เพราะฉะนั้นบางพรรคที่ฟ้องตนเอง ขอย้อนถามว่าคุณทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง และขอฝากถึงพรรคภูมิใจไทยว่า สส. 69 คน มีใครสักคนหรือไม่ที่ออกมายืนหยัดปกป้องในเรื่องเขากระโดง และมีกี่คนที่ออกมายืนหยัดต่อสู้ในเรื่องแรงงาน และการทุจริตนั้นไม่มีสักคน แม้วันนี้พรรคภูมิใจไทยจะฟ้องตนเอง ตนเองก็ยินดีจะต่อสู้เพราะเห็นว่าทุกอย่างที่ทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน

นางกุสุมาลวตี ระบุว่า วันนี้ตัวเองมาขึ้นศาล และมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองจะต่อสู้ในศาล ก็คือทำหน้าที่พลเมืองมีหน้าที่ติติงเพื่อประโยชน์สาธารณะตามมาตรา 50 ในฐานะพลเมืองไทยที่มีความรักชาติรักแผ่นดินจงรักภักดีไม่เคยแอบอ้างเบื้องสูง เพื่อประโยชน์ของตนเอง เมื่อคุณธรรม จริยธรรม การทุจริตที่เห็นเป็นประจักษ์แล้ว ยังกล้าจะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงตนเองก็เสียใจที่พรรคที่ชื่นชมก็คือ พรรคประชาชน จะมาจับมือกับคนบางคนที่จะเสนอเขาเป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่าขั้นตอนของศาลวันนี้เป็นการนัดไต่สวนหรือไม่ นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า เป็นการไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งตนเองต้องการให้มีมูลเพื่อที่จะใช้อำนาจศาลเรียกเอกสารทุกเรื่องจากส่วนที่เกี่ยวข้อง และพยานหลักฐานทุกอย่าง รวมถึงกระแสที่นายอนุทินจะถอนฟ้องนั้น เพราะในวันนี้พรรคภูมิใจไทยก็รู้สึกว่าจะเข้าประเด็นโดนยุบพรรคแล้ว และถ้าหากขอถอนฟ้องตนเองไม่ยอม

เมื่อถามย้ำว่า เป็นการฟ้องคนละหนึ่งคดีใช่หรือไม่ นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า ตนเองเป็นคนฟ้องก่อน ในข้อหาหมิ่นประมาทที่นายอนุทินกล่าวหาว่าตนเองเป็นคนกักขฬะ และศาลนัดไต่สวนในวันที่ 21 ก.ค. 68 แต่พรรคภูมิใจไทยมาฟ้องตนเองทีหลัง แต่ศาลนัดก่อนเป็นวันที่ 14 ก.ค. 68 รวมถึงการที่ตนเองฟ้องนายอนุทินนั้น ตนเองก็มีพยานหลักฐานมากมายว่าเราไปตรงนั้นจริง ตรงนี้จริง มีเอกสาร มีรูปถ่าย เพราะฉะนั้นการที่เราฟ้องเขา เราไม่กลัว แต่สิ่งที่เขาฟ้องเรา เราก็ไม่กลัวเช่นเดียวกัน ซึ่งก็มีหลักฐานชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทยทำอะไรผิด และคิดว่าการที่พรรคภูมิใจไทยฟ้องตนเองนั้น เราก็น่าจะชนะ และมั่นใจว่าจะชนะทั้ง 2 คดี

นอกจากนี้ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการพิจารณารวมกันทั้ง 2 คดี เพื่อจะมีการไกล่เกลี่ย นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า อาจจะมีความเป็นไปได้ เพราะตนเองเคยมีประเด็นก่อนหน้านี้ก็มีการไกล่เกลี่ยกัน แต่สำหรับเรื่องนี้ตนเองไม่ยอมให้มีการไกล่เกลี่ย เพราะบุคคลกลุ่มนี้ก็จะมีไกล่เกลี่ย มีขู่ มีอำนาจที่มากมาย แต่ตนเองไม่กลัว ตนเองคิดว่าเราทำ เพื่อประชาชน และยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินจากพรรคใด

“อยากชนะควรชนะด้วยเหตุผล ใช่ชนะด้วยเล่ห์กลให้คนหยัน ดิฉันยากจนในด้านเงินทอง ดิฉันไม่เคยโกงกิน ไม่เคยทุจริต มีคนเสนอเงินมากมายกายกอง แต่ท่านร่ำรวยมีทุกอย่าง กินกี่ชาติก็ไม่หมดแล้วท่านจะแสวงหาเพื่ออะไร ต้องการอะไร เพราะฉะนั้นกระบวนการที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากธุรกิจการเมือง ดิฉันขอค่ะ ขอว่านี่คือประเทศไทย เงินทุกบาททุกสตางค์ภาษีของประชาชนอย่าเข้าไปยุ่งอย่าเข้าไปเอาเลยเราพอมีพอกินแล้วไม่อยากกระสันได้ลาภยศตำแหน่งมันเป็นสิ่งที่เป็นอนัตตาไม่มีตัวตนคุณต้องปฏิบัติธรรมให้มากกว่านี้” นางกุสุมาลวตี กล่าว

Related Posts

Send this to a friend