POLITICS

แกนนำรวมพลังแผ่นดินฯ เคาะ กลาง ส.ค. ชุมนุมใหญ่อีกครั้ง หลังศาลสั่ง ‘แพทองธาร’ หยุดปฎิบัติหน้าที่

แกนนำรวมพลังแผ่นดินฯ เคาะ กลางสิงหาคม ชุมนุมใหญ่อีกครั้ง หลังศาลสั่ง ‘แพทองธาร’ หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกฯ สวน ‘เพื่อไทย’ กล่าวหาเรียกร้อง ‘รัฐประหาร’ แต่ก็ตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ส่วน ‘พรรคประชาชน‘ โรยเกลือ ไม่จริง มีแต่สารส้ม

วันนี้ (1 ก.ค. 68) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แกนนำรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ร่วมแถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

นายแก้วสรร อติโพธิ กล่าวว่า พวกเราดีใจมากที่กฎหมายได้ทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้กล่าวหาพวกเราว่า กำลังใช้ศาล และกฎหมายด้วยมูลเหตุจงใจทางการเมือง ขอตอบแบบนี้ว่า วันนี้ศาลตัดสินตามกฎหมายทั้งสิ้นกระบวนการนี้เรียกว่า Immpeachment หรือการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลว่าทำผิดต่อหน้าที่ ทั้งความไว้วางใจ วันนี้มีคำกล่าวหาที่ถูกต้องตามกฎหมายจาก สว. ทั้ง 36 คน ที่มีสิทธิ์รับรองตามรัฐธรรมนูญไม่ว่าอย่างไรศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องรับคำร้องเป็นการทำตามกฎหมายไม่ได้สร้างสถานการณ์ให้ใครทั้งสิ้น

นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า พวกเราดีใจมากที่ศาลสามารถทำงานตามกฎหมายมีอำนาจไต่สวนความจริง เพื่อหาคำอธิบายว่าคลิปนี้ออกมาได้อย่างไร ส่วนนี้พวกเรามิบังอาจไปล่วงละเมิดอำนาจศาล และจะไม่ไปเคลื่อนไหวบีบบังคับ ดีใจโห่ร้องใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นการแทรกแซงอำนาจศาล และจะเข้าทางของคนที่จ้องจะใส่ร้ายเราตลอด

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหรืออาจจะเป็นธรรมชาติจากพระอาทิตย์ทรงกลดขนาดใหญ่เหนืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลังจากนั้นมีฝนตก ปรากฏการณ์รุ้ง 2 ชั้น บัดนี้ได้สำแดงให้เห็นอยู่ 2 ประการ คือการยื่นคำร้องโดยประธานวุฒิสภา ศาลได้มีมติเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณา ด้วยคะแนนเสียง 9 :0

“นี่ยกประโยชน์ให้กับพระอาทิตย์ทรงกลด ส่วนปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำ ก็ว่าไม่ได้ เป็นรุ้งกินอุ๊งอิ๊งค์ก็แล้วกัน ด้วยเสียง 7 ต่อ 2 ความเป็นจริงก็คือ 9 ต่อ 0 แต่ว่าอีก 2 คนนั้นเขาให้พักปฏิบัติหน้าที่เฉพาะบางส่วน” นายแก้วสรร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า อย่างน้อยพลังของประชาชนที่ได้รับการดูถูกว่าไม่มีมวลชน ตอนฝนตกก็ใจหายพอสมควร แต่เมื่อฝนหยุดคนก็หลั่งไหลจนเป็นภาพที่ปรากฏ และที่สำคัญเป็นมวลชนโดยธรรมชาติไร้ซึ่งการจัดตั้ง นี่คือความน่ากลัว ปรากฏการณ์ธรรมชาติแบบนี้ทำให้คนจาก 2 ส่วนนั่งไม่ติด พร้อมชี้แจงว่า คำพูดของ สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นลักษณะการตัดพ้อต่อว่า ไม่ใช่เรียกร้องรัฐประหาร

“จุดยืนของรวมพลังแผ่นดิน เราชัดเจนว่าไม่เอาการรัฐประหาร และไม่เอาอุ๊งอิ๊งค์เฉกเช่นเดียวกัน” นายจตุพร กล่าว

นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวอีกว่า ฝากไปยังพรรคเพื่อไทยว่า หากคุณรังเกียจการรัฐประหารตามที่คุณกล่าวนั้น คุณไปรับเสียง สว. 250 เสียงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งเอาไว้มาโหวตให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้อย่างไร ไปเอาพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐรวมถึงภูมิใจไทย ทุกวันนี้ยังด่าพรรคประชาธิปัตย์เรื่องการล้มการเลือกตั้ง แต่ก็ยังเอามาร่วมรัฐบาล คนในพรรคเพื่อไทยทุกวันนี้ลืมมองไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่เขากล่าวมาทั้งหมด จากการตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว ทรยศต่อสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน ล้วนอยู่ในรัฐบาลทั้งสิ้น เกลียดเผด็จการก็นอนกอดอยู่กับเผด็จการ เกลียดการรัฐประหารก็เอาสิ่งที่คณะรัฐประหารส่งมามอบให้

“ผมรู้จักคนเหล่านี้ดี วันเวลาดำรงตำแหน่งตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย ก่อนรัฐประหาร ฯพณฯ ท่าน เพ่นพ่านเต็มทำเนียบหมด แต่พอรัฐประหารก็หายหัวหมดทุกคนเช่นกัน ผมนับหัวได้ เพราะพวกนี้ไม่เคยออกมาต่อต้านการรัฐประหาร อย่ามาอวดอ้างเป็นนักประชาธิปไตย คุณเป็นแค่นักล่าผลประโยชน์ อ้างประชาธิปไตย แต่ใจคุณหนักกว่าเผด็จการ” นายจตุพร กล่าว

สำหรับฝ่ายค้าน ที่ได้อภิปรายว่าจะมียุทธการโรยเกลือ ในประเด็น การหลบเลี่ยงภาษี, ที่ดินอัลไพน์ และการรุกที่เขาใหญ่ แต่ปรากฏว่าไม่มีเกลือ เหลือแต่สารส้มทุบ เพราะหากนำทั้ง 3 เรื่องนี้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตามข้อหาที่ฝ่ายค้านอภิปราย นายกรัฐมนตรีจะไปก่อนที่จะได้คุยโทรศัพท์กับสมเด็จ ฮุน เซน โดยอ้างว่าไม่อยากใช้หอกทมิฬแทงทมิฬ แต่ที่ผ่านมาก็เคยใช้กลไกนี้กับ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นทุกคน แต่ไม่ยื่นกับแพทองธาร

“ถ้าคุณได้ทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน ปิดประตูการรัฐประหารโดยสิ้นเชิง คุณอุ๊งอิ๊งค์เธอจะไม่มีโอกาสได้คุยโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซน แต่เพราะพรรคประชาชนไม่ทำหน้าที่ ไม่โรยเกลือตามที่ประกาศ แต่ไปโรยสารส้มแทนตามที่ผมบอก” นายจตุพร กล่าว

ทั้งนี้ นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า แนวทางในการชุมนุมต่อไป จะมีการนัดหมายชุมนุมใหญ่ในช่วงกลางเดือน ส.ค. ที่จะถึงนี้ โดยระหว่างนี้ขอให้มวลชนระดมทุนสนับสนุนความเคลื่อนไหวของ คปท. ศปปส. และกองทัพธรรม ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลมาหลายเดือนแล้ว

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวว่า ตนเองได้รับมอบหมายจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้เข้ามาตอกย้ำกับพี่น้องประชาชนถึงจุดยืนของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทยว่า เป็นสิ่งที่นายสนธิสนับสนุนทุกประการไม่ได้เอาด้วยกับการรัฐประหาร ยืนยันใน 2 ข้อหลัก คือ นายกรัฐมนตรีลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก ฉะนั้นจุดยืนตรงนี้ยังเป็นจุดยืนที่ตรงกันทุกประการ

นายปานเทพ ยังกล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย มีนายทุนหนุนหลังนั้น ว่า ต้องเมื่อเราเปิดรับบริจาคถึงเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย. 68) ซึ่งเราก็พยายามปิดบัญชีให้ได้ โดยสิ้นสุดยอดรวมบริจาคทั้งหมดจำนวน 30,771,061 บาท ซึ่งจำนวนผู้ประสงค์บริจาครวมทั้งสิ้น 56,200 คน หักค่าใช้จ่ายวันชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 28 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา จำนวน 2,072,535 บาท มีวัตถุประสงค์มอบให้กองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1,100,000 บาท ซึ่งจะเหลือเงินที่มอบให้กับกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 27,598,525 บาท แต่จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนของแม่ทัพภาคที่สองที่ระบุว่า ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ต้องการปกป้องอธิปไตยแห่งชาติซึ่งตนเองได้แจ้งความประสงค์ว่าไม่ประสงค์จะรับเงินสด เนื่องด้วยหากรับเงินสดจะต้องมีกลไก และคณะกรรมการอีกหลายขั้นตอน และอาจจะทำให้ไม่สะดวกในระบบราชการ

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้ตนเองจึงได้ประสานกับกองทัพภาคที่ 2 ว่า หากต้องการสิ่งใดขอให้บอก ซึ่งเบื้องต้นเราได้มีการจัดซื้อจัดหาอากาศยานไร้คนขับลาดตระเวนป่าไม้ในเวลากลางคืน ในส่วนนี้เราเตรียมเงินไว้จำนวน 11,060,000 บาท และอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับกองทัพ 10,055,000 บาท ดังนั้นจะเหลือเงินอีกจำนวน 2,000,000 บาท ส่วนนี้จะมีการประสานงานเพิ่มเติมกับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อใช้เงินทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Related Posts

Send this to a friend