นายกฯ เผย ‘พิชัย‘ เตรียมบินถกภาษีสหรัฐฯ 23 เม.ย.นี้ รับ ปรึกษา ‘ทักษิณ‘ เหตุรู้แนวเจรจาทรัมป์
วันนี้ (17 เม.ย. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้คุยกับคนรอบตัวของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประเด็นการขึ้นภาษีหลายคนว่า นายทักษิณคุยอย่างไม่เป็นทางการกับหลายคน ถือเป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง เมื่อคุยกับผู้ที่ไม่ได้มีตำแหน่งโดยตรงก็จะสามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ก่อน เนื่องจากฝั่งสหรัฐอเมริกาก็อยากได้ความคิดเห็นจากไทยเช่นกัน
ส่วนทางการจะมี นายพิชัย ชุณหะวัชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางไปพูดคุยในวันที่ 23 เมษายนนี้ ในระดับรัฐมนตรีด้วยกัน เรามีข้อเจรจาต่อรองค่อนข้างแข็งแรง มั่นใจว่าจะเป็นเรื่องบวกทั้งสองประเทศ เราเป็นประเทศที่ต้องพูดคุยกันอย่างแฟร์ ๆ สามารถให้ประโยชน์กับเขาได้ และเขาก็ให้ประโยชน์กับเราได้ เพราะไทยกับสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน น่าจะคุยแล้วเกิดผลดี โดยประเด็นที่จะไปพูดคุยขอให้นายพิชัยมาชี้แจง เนื่องจากจะต้องพูดคุยแบบไพรเวทก่อน ซึ่งจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
หากในเหตุการณ์ปกติ ตนเองสามารถต่อสายลงไปคุยกับทรัมป์ได้ แต่ทุกประเทศก็เข้าคิวที่จะพูดคุยจึงต้องไปตามกระบวนการ แต่หลาย ๆ ทางที่สามารถคุยได้ตนเองได้พูดคุยเช่นกัน อาจจะไม่ทางการแต่อะไรที่เป็นคอนเนกชั่นก็ทำ
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่าตนเองได้พูดในคณะทำงานว่า เราควรจะสนับสนุนเอกชนในการลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐยังไม่ได้มีมาตรการที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้กำลังทำอยู่หากเป็นรูปเป็นร่างจะมาเล่าให้ฟัง อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาคเอกชนที่จะไปลงทุนในต่างประเทศก็ไปด้วยตนเอง หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐก็อาจจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม ทำได้ดีกว่าเดิม ไม่ต้องเสี่ยงเท่าเดิม ในฐานะที่อยู่ในภาคเอกชนมาก่อน หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐคงเป็นความร่วมมือที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศมากมาย รัฐบาลก็จะดำเนินการแผ่นดินต่อไป
ส่วนที่นายทักษิณระบุว่า ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้เจอตนเองนั้น นางสาวแพทองธาร ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ได้เจอท่านเลย เมื่อเจอที่จังหวัดเชียงใหม่ในช่วงสงกรานต์จึงรีบไปนั่งรถกับท่าน และให้ลูกไปนั่งรถอีกคัน พอได้คุยกันท่านก็อัปเดตเรื่องของสหรัฐอเมริกา บอกว่าได้คุยกับคนนั้นคนนี้ ทิศทางเป็นอย่างไรบ้าง
ตนเองในสมัยเด็ก อายุ 10 กว่าปี เคยมีโอกาสพบกับครอบครัวของทรัมป์ ได้รับประทานอาหารด้วยกันที่ประเทศไทย นายทักษิณทราบแนวของทรัมป์ว่า เป็นนักธุรกิจ สามารถคุยด้วยได้อยู่แล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์ทั้งเขาและเรา เพราะเขาก็ไม่อยากเสียประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากมีประเทศใหญ่ที่ดีลกับเขาโดยตรง ท่านก็ให้แนวทางมา ปรึกษากันเป็นเรื่องปกติ
ขณะที่ผลกระทบกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ไทยต้องการปรับตัว เนื่องจากภาษียังไม่ได้มีการปรับปรุงใหม่ บางอันเราอาจจะได้เปรียบหรืออาจจะน้อยลงบ้าง จะต้องมีการเกลี่ยทั้งกระดาน ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านมั่นใจ ตนเองเป็นนักธุรกิจมาก่อน ไม่อยากมีใครเสียผลประโยชน์ พยายามให้เราแข็งแรง ในการคุยและเจรจา ทั้งนี้ประเทศไทยมีจุดแข็งเยอะแยะ โดยเฉพาะเรื่องการส่งออก มีรายละเอียดอีกเยอะที่สามารถต่อรองกันได้ ไม่ใช่แค่ภาคการเกษตรเท่านั้น ทุกอย่างเคยถูกกางมาแล้วก่อนมาตรการภาษีจะออกมา












