กลุ่ม สว. ยื่นร้อง ป.ป.ช. สอบ ‘ทวี-ยุทธนา’ ปม ผิด ม.157 หลังรับ คดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ
กลุ่ม สว. ยื่นร้อง ป.ป.ช. สอบ ‘ทวี-ยุทธนา’ ปม ผิด ม.157 หลังรับ คดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ชี้ ประเทศนี้ไร้ความยุติธรรม เปรียบ ‘อธิบดีดีเอสไอ’ เป็นแมว เตือนจับปลาในน้ำ ระวังตายเพราะว่ายน้ำไม่เป็น
วันนี้ (12 มี.ค. 68) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. นำทีม สว. 81 คน มายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มีการตรวจสอบการทำงานของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 โดยเป็นผลสืบเนื่องจาก กคพ. มีมติรับคดีฮั้ว สว. ข้อหาฟอกเงินเป็นคดีพิเศษโดยเห็นว่าไม่มีอำนาจ ซึ่งในหนังสือยื่นคำร้องมี สว. ร่วมลงชื่อจำนวน 105 คน โดยมี นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนมารับหนังสือ
พล.ต.ต.ฉัตวรรษ กล่าวว่า พวกเราสมาชิกวุฒิสภาได้มายื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในเรื่องที่กล่าวหา คือการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีเจตนาจงใจกลั่นแกล้งกล่าวหาสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ได้รับโทษทางอาญา ยืนยันว่าสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ที่ได้รับการคัดเลือกมา และมีกระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ซึ่งมีวิธีการตรวจเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่มีการเชิญชวนให้มีคนมาสมัคร ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพ ดังนั้นกระบวนการเลือก และหลักเกณฑ์ที่ได้มาของ สว. จึงเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ฉัตวรรษ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมพยานหลักฐานจากการร้องเรียนจึงมีมากมาย ตนเองในฐานะที่เคยเป็นพนักงานสอบสวนสืบสวนมาก่อน พยานหลักฐานที่ปรากฎมีความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ โดยเฉพาะความผิดในฐานอั่งยี้ ซ่องโจร เป็นภัยร้ายแรงต่อชาติ ฉะนั้นกลุ่ม สว. ที่มาในวันนี้รับไม่ได้ เพราะ สว. ล้วนมีทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิหลากหลายด้าน หลายสาขา ซึ่งทุกคนสามารถดำเนินงาน และปฎิบัติหน้าที่ตามบทบาทสมาชิกวุฒิสภา ตามบทบาทการพิจารณา และบทนิติบัญญัติ ถือว่าองค์กรที่จะตรวจสอบการได้มาของกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาควรจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัย
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า การดำเนินการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดี DSI ทำให้พวกเราถูกกล่าวหา และถูกดูหมิ่นจากประชาชนว่ามีที่มาไม่สุจริต นอกจากนี้ยังเชื่อว่า กกต. มีหลักฐานเรื่องร้องเรียนการเลือก สว. มากกว่าที่ดีเอสไออ้าง เพราะ กกต.เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนมาก่อนแล้ว ซึ่ง กกต.ใช้ความละเอียดรอบคอบ และมีความระมัดระวังในการกล่าวหาต่อผู้ที่ได้รับการรับรองเป็น สว.ไปแล้ว ไม่เหมือนผู้ร้องที่อยากเป็นเร็ว อยากขยับขึ้นมาก็กล่าวหาว่า กกต. ทำงานด้วยความล่าช้า
ดังนั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า อยากถามว่า กกต. จะต้องไปตรวจสอบผู้สมัคร 40,000 คน จะใช้เวลาเท่าไหร่ 6-7 เป็นไปได้หรือไม่ หากดีเอสไอสืบสวนไปแล้วรู้ว่าไม่มีอำนาจในการดำเนินการ ก็ควรส่งพยานหลักฐานให้ กกต. ตนเองก็ไม่ทราบว่าดีเอสไอจะเก็บไว้ทำไม วันดีคืนดีพวกเราทำงานมีประสิทธิภาพ การเมืองไม่พอใจ ไม่รู้ใครบัญชาการ ใครคุมกระทรวงยุติธรรม ความยุติธรรมในประเทศก็เริ่มไม่เกิดขึ้น ความกระส่ำระสายเกิดขึ้นทุกองค์กร จากผู้นำจิตวิญญาณบางคน ที่สามารถควบคุมฝ่ายการเมืองได้ เชื่อว่าฝ่ายการเมืองที่เข้ามากำกับดูแลดีเอสไอถูกครอบงำหรือไม่ ขอให้สื่อมวลชนพิจารณาเอง
พร้อมกันนี้ก็ได้มีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบคนเลี้ยงสุนัขและแมว กับการทำหน้าที่ของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่รับพิจารณาทั้งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ และทำตามคำสั่งอาจพบจุดจบที่ไม่ดี
”คนเลี้ยงสุนัขก็เลี้ยงทั้งดุและไม่ดุ ทั้งอ่อนโยน อ่อนไหวใช้สุนัขไปในภารกิจต่างๆ ท่านก็คงทราบดีว่าผู้เรียนต้องมีอันจะกิน ในขณะเดียวกันคนเลี้ยงแมวก็เอาแมวไว้ไล่จับหนู สีอะไรก็จับหนูได้หมด แต่แมวตัวนี้มันพิเศษมันมีปลอกคอมันมีเชือกกระตุกให้มันเลือกจับหนูได้ เป็นการล็อกว่าหนูนี่จับหนูนี่ไม่จับตรงนี้มันอยู่ที่คนสั่งเช่นเดียวกัน คดีนี้เหมือนกันมันนึกว่าแมวนอกจากจับหนูอย่างเดียวแล้ว แมวกินปลามันก็โยนแมวลงไปในน้ำ เพื่อให้ไปจับปลากิน แต่ลืมนึกไปว่าแมวว่ายน้ำไม่เป็นจะไปไล่จับปลาได้อย่างไร ผลสุดท้ายแมวก็จมน้ำตาย เหมือนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฉะนั้นท่านมีปลอกคอท่านคิดว่าเอาตัวรอดได้ เชิญสอบสวนไปเราไม่ว่า สักวันนึงคนเลี้ยงแมวไม่อยู่แมวจะอดตาย จะติดคุก“ พล.ต.ต.ฉัตวรรษ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกไปให้ปากคำจะไม่ไปใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ตราบใดที่ผู้สอบสวนยังไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เราก็ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จะมายัดเยียดว่าพวกตนไม่บริสุทธิ์ไม่ได้ เราทำงานมา 7-8 เดือน ก่อนหน้านี้กกต.ก็รับรองว่า เราสุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส
เมื่อถามย้ำว่าการที่เปรียบเทียบ อธิบดีดีเอสไอเป็นแมวจมน้ำตาย จะสื่อถึงการดำเนินการขั้นสูงสุดเลยหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า หูของใครดูเอาว่าใครเป็นแมวใครเป็นใครดูเอาเองตราบใดที่เรายังปฏิบัติหน้าที่เป็น สว. สิ่งใดที่กระทบกับเรา เราก็จะไม่นิ่งเฉย แต่เราจะไม่ออกสื่อทำอย่างสุขุม รอบคอบ
ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้ยุบกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ระบุว่า เรื่องนั้นเป็นการเสนอขึ้นมาระหว่างการอภิปรายในวุฒิสภา เพราะตนเองเป็นคนเสนอญัตติ ปัญหากระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย ขณะนี้ กมธ. องค์กรอิสระปราบปรามทุจริตของ สว. ได้นำไปศึกษาแล้ว
ส่วนความเป็นไปได้ในการที่จะเปลี่ยนสีของ สว. ให้ไปเป็นสีแดงนั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนักวิเคราะห์ข้างตู้ ตนเองไม่ฟัง และไม่รู้ แถวภาคอีสานเขาเอาไว้ดูมวย โดยย้ำว่าจะวิเคราะห์อย่างไรเป็นเสรีภาพ แต่อย่าไปกลั่นแกล้งใคร
ทั้งนี้ หากถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองนั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ถามกลับว่า “ทำไมไม่มองว่า สว. ถูกกลั่นแกล้ง ประเด็นการเมืองไม่เกี่ยวกับเรา เราไม่ได้อยู่ในพรรคการเมือง แต่รู้อย่างเดียววุฒิสภามีหน้าที่ปกป้องสถาบัน”












