จเรตำรวจแห่งชาติ เผย มีเหยื่อค้ามนุษย์กว่า 30 ชาติ รับ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ไทย

วันนี้ (10 ก.พ. 68) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุต จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมา ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมดูศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศ แม่สอด และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จากการพูดคุยกับผู้ช่วยรัฐมนตรีของจีน และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีการเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสถานทูตต่าง ๆ เกี่ยวกับคนที่หาไม่เจอ และน่าเชื่อว่าข้ามไปฝั่งเมียนมา เพื่อไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรืออื่น ๆ

รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูล ตำรวจไทยและประเทศต่าง ๆ เพราะข้อมูลคนสูญหายจะอยู่ที่ประเทศต้นทาง เราจะมีข้อมูลเรื่องการกระทำผิด หรือประวัติคนหาย ซึ่งจะรวบรวมทุกประเทศ โดยมีประเทศที่ทำงานร่วมกันแล้ว คือประเทศฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ รวมกันแล้วประมาณ 100 คน ซึ่งญาติได้ขอความช่วยเหลือมาว่าให้ช่วยติดต่อคนที่หายไป หรือตรวจสอบว่าอยู่ทางฝั่งเมียนมาหรือไม่ และสถานะเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ช่วยเหลือกลับมา และขณะนี้ทางการจีนยังไม่มีมีการประสานเข้ามาว่าจะอยู่ในศูนย์ด้วย

ส่วนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์จากประเทศเคนยาสองคนที่หลบหนีออกมานั้น ตอนนี้อยู่ในความดูแลของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแล้ว และได้ให้ข้อมูลว่ายังมีคนเคนยาอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังหลบหนีเข้ามา

พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวถึงมาตรการการตั้งรับของรัฐบาลที่จะรับมือกับกลุ่มคนที่อาจหนีออกมาอีก ว่าศูนย์สั่งการชายแดนมีมาตรการต่าง ๆ ออกไป รวมทั้งการตรึงพื้นที่ในแนวชายแดน เพื่อช่วยเหลือ การติดตามประเมินผลต่อไป

พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวอีกว่า ศูนย์ประสานงานนี้จะรวบรวมเรื่องการจับกุม และขยายผลด้วย เพราะจะมีข้อมูลจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงจีน เพื่อเปรียบเทียบว่ากลุ่มที่ออกมาเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ หรือเป็นเหยื่อ ส่วนจะประสานกลุ่ม BGF หรือรัฐบาลเมียนมาเป็นหลัก พล.ต.อ. ธัชชัย ระบุว่า การทำงานนี้เป็นเรื่องของศูนย์สั่งการชายแดนที่จะต้องขับเคลื่อนการประสานต่าง ๆ ในพื้นที่

สำหรับการขยายผลเพิ่มเติมหลังจับกุมบอสจีนได้ที่กรุงเทพมหานคร สองคนนี้ ยังไม่พบการเชื่อมโยงมาฝั่งนี้ แต่จะออกไปทางกัมพูชา ส่วนข้อมูลของกลุ่มจีนในฝั่งเมียนมา เราก็ได้รับมาจากทางจีนแล้ว ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่ามีแหล่งพักอาศัยหรือหลบอยู่ที่ไหน อยู่ในเมืองไทยหรือไม่ มีหมายจับที่ไหนอย่างไร ก็จะเป็นขั้นตอนที่นำมาใช้ในการคัดแยก โดยเรื่องหลัก ๆ ของศูนย์ประสานงานนี้จะเป็นเรื่องการประสานงาน ส่วนเรื่องการช่วยเหลือเป็นเรื่องสู่กระบวนการ NRM อยู่แล้ว

พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวถึงมาตรการรับมือหากมีเหยื่อกว่าพันคนหนีออกมา ว่า ต้องเตรียมพร้อม และก็คาดการณ์ว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ออกไปจะทำให้ทั้งเหยื่อ และคนที่สมัครใจ คงข้ามมาฝั่งเราเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการ NRM อยู่แล้ว

พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไทยช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ เพราะไม่ใช่เป็นปัญหาที่มาจากการหลอกคนไทย เพราะของคนไทยจะอยู่ฝั่งกัมพูชา แต่ของฝั่งเมียนมา ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ส่งผลภาพลักษณ์ของประเทศ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยินดีช่วยเหลือเต็มที่ ไม่ว่าจะมีเบาะแส หรือการขอความช่วยเหลือ เราก็พร้อมเต็มที่ การตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่ ก็เพื่อช่วยให้สามารถติดต่อญาติได้ง่ายขึ้น

พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวถึงกรณีการจับคนญี่ปุ่นที่ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ชายแดน 4 คน ว่า ถ้าพบว่าคนที่ข้ามมา หรือลักลอบข้ามกลับมาฝั่งไทย มีประวัติต้องโทษ หรือหมายจับของประเทศต้นทาง เราจะประสานสถานทูตนั้น ให้ดำเนินการกับ เหมือนคนญี่ปุ่น 4 คนในสัปดาห์ที่แล้ว อ้างว่า มาเที่ยวที่แม่สอด เราก็ได้ประสานไปยังฝั่งประเทศญี่ปุ่น เพราะอาจเชื่อได้ว่าเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และได้เพิกถอนวีซ่า ส่งกลับประเทศไปดำเนินคดีต่อไป