ผู้ว่าฯ จ.ตาก ลงพื้นที่ด่านแม่สอด หลังชาวเมียวดีนัดรวมกลุ่ม ขู่ ปิดสะพาน
ผู้ว่าฯ จ.ตาก ลงพื้นที่ด่านแม่สอด หลังชาวเมียวดีนัดรวมกลุ่ม ขู่ ปิดสะพาน พบ ชาวเมียนมาต่อคิวข้ามด่านจำนวนมาก บอก เดือดร้อนหลังไทยตัดไฟ ตัดน้ำมัน แต่ยังพออยู่ได้
วันนี้ (8 ก.พ. 68) นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ลงพื้นที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง สะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา 1 เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย และความแออัดของด่าน หลังรัฐบาลออกมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีพ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก (ผกก.ตม.จว.ตาก) คอยรายงานสถานการณ์ และมีเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมสังเกตการณ์ในพื้นที่ด้วย

ผู้ว่าฯ จ.ตาก ได้สอบถามชาวเมียนมาถึงสถานการณ์ฝั่งเมียนมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง เดือดร้อนแค่ไหนจากการตัดไฟตัดน้ำมัน แต่อยากให้ช่วยเหลือกันเรื่องการแก้คอลเซ็นเตอร์ โดยชาวเมียนมาหลายคนบอกว่า ก็เดือดร้อนจากการงดส่งน้ำมัน แต่เรื่องไฟฟ้าไม่ได้ใช้นานแล้ว ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ แต่บางคนที่ไม่มีเครื่องปั่นไฟ ก็ต้องจุดเทียนเอา โดยชาวเมียนมาส่วนใหญ่เดินทางข้ามมาทำงาน และทำธุระในเขตประเทศไทย
นายชูชีพ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ตามที่ปรากฎข่าวว่า มีการยื่นขอชุมนุมเพื่อแสดงออกถึงผลกระทบที่ได้รับจากมารตรการการตัดไฟ น้ำมัน และเครือข่ายการสื่อสารของไทย เพื่อกดันคอลเซ็นเตอร์ เมื่อตนเองทราบจึงเดินทางมาลงพื้นที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และ 2 เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยมีหน่วยงานฝ่ายปกครอง หน่วยงานความมั่นคงมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ได้ตรวจสอบคนที่ข้ามไปมา โดนตัวเลขผู้ชุมนุมจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมี 3,000 คนนั้น ยังมีไม่มาก และประเมินสถานการณ์จากที่เราออกมาตรการไป ปกติปริมาณรถข้ามต่อวันจะอยู่ที่ 500 คัน แต่เช้าวันนี้ ตัวเลขเกินแล้ว โดยจากการสอบถามคาดว่าน่าจะมาเติมน้ำมันฝั่งบ้านเรา ส่วนจำนวนคนก็มาตามปกติ 2,500 คนทั้งขาเข้า ขาออกแต่วันนี้คนทะลุ 500 คนตั้งแต่ในช่วงเช้า คงจะมากกว่าปกติไม่มาก และจากการสอบถามชาวเมียวดีมีทั้งที่ทำงาน และมาทำธุระฝั่งไทย ก็มีคนที่บอกว่าอยู่ได้ ปกติ บางคนก็บอกได้รับผลกระทบ ต้องใช้เทียน แต่ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ โดยเราต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวันและประเมินรายสัปดาห์ ว่าฝั่งนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อมาประเมิน และคงดูทั้งเรื่องน้ำมัน ไฟฟ้า

นายชูชีพ กล่าวอีกว่า ผลกระทบจากการออกมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทางรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงการต่างประเทศคงกำลังประเมินสถานการณ์อยู่ และจังหวัดพร้อมปฎิบัติ ซึ่งขณะนี้จากการประเมินพบว่ายังไม่กระทบกับชายแม่สอด ยังคงเป็นปกติทั้งหมด
ส่วนจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเพราะมาจากมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่นั้น เท่าที่ทราบ ไม่เกี่ยวข้อง แค่มาเติมน้ำมันเพื่อไปใช้ฝั่งเมียนมาปกติ
เมื่อถามถึงคนจากฝั่งเมียวดีที่ข้ามมายังไทย และถือแกลลอนมาเติมน้ำมันกลับไป จะมีการกำชับอะไรหรือไม่ นายชูชีพ ระบุว่า คงทำความเข้าใจที่เราในภาพรวมอยู่แล้วว่าให้ดูให้ดีเป็นเรื่องการค้าขายที่ดำเนินการปกติของราษฎรทั่วไป ให้เจ้าหน้าที่คอยดู ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงคอยตรวจสอบ ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิด ก็ต้องห้ามเด็ดขาด
ส่วนในบางจุดเริ่มสกัดการลักลอบขนน้ำมัน คงต้องเน้นย้ำ และทำความเข้าใจร่วมกัน เพราะต้องช่วยปกป้องชื่อเสียงของประเทศชาติ ต้องดำเนินการตามกฎหมายไม่สนับสนุนสิ่งที่ผิดกฎหมาย คงตรวจตราถี่ขึ้น โดยเรามี ชรบ. อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารก็ตรึงกำลังอยู่ หากพบว่ามีความผิดจะมีการคาดโทษตามท่าข้ามแน่นอนต้องเข้มข้น
ส่วนการจัดการชุมนุมนั้น เราได้เข้าไปสังเกตการณ์ ซึ่งเขาก็ดำเนินการตามข้อกฎหมายของเขาที่สามารถทำได้
หลังจากนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ลงพื้นที่ติดตามบริเวณท่าข้ามในหลายจุด เพื่อดูพื้นที่และผลกระทบบริเวณชายแดน













