‘สมศักดิ์’ ยอมรับ งบ สธ. ยังไม่เพียงพอ ต้องบริหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
‘สมศักดิ์’ ยอมรับ งบกระทรวง สธ. ยังไม่เพียงพอ ต้องบริหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ยัน วางแผนเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมหนุนออกจาก กพ.
วันนี้ (20 มิ.ย. 67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงถึงงบประมาณกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า ผู้อภิปรายหลายคนยังเห็นว่างบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขน้อยเกินไป ซึ่งรัฐบาลขอยืนยันว่าได้ผลักดันให้เพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่เพียงพอตามที่ สส.อภิปราย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เราต้องบริหารอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ขอขอบคุณที่ห่วงใยเรื่องงบประมาณน้อย แต่การดูแลเด็กยังมีงบประมาณจากอีกหลายหน่วยงาน ไม่ใช่จากกรมอนามัยเพียงอย่างเดียว ทราบว่ายังเกี่ยวข้องกับ สปสช.ที่ต้องดูแลความสมบูรณ์ของทารกด้วย ทั้งนี้ มีเด็กเกิด 4.5 แสนคน แต่มาใช้บริการตรวจความสมบูรณ์ 1.8 แสนคน ดังนั้น สธ.ต้องบูรณาการให้ครบถ้วน รวมถึงแก้ปัญหาการมีบุตรน้อย เพราะปัจจุบันมีบุตรเฉลี่ย 1.2 คน ทั้งที่ควรมี 2.1 คน
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องยาเสพติดว่า ได้เปลี่ยนแนวทางให้สันนิษฐานยาบ้า 1 เม็ด เป็นผู้เสพ แต่ ครม.ก็เพิ่มว่าต้องสอบสวนด้วยถึงจะได้รับสิทธิบำบัด โดย สธ.มีหน้าที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด โดยเฉลี่ยแล้ว มีผู้ป่วยเข้าบำบัดปีละ 1.1 แสนราย แต่ถ้าใช้กฎหมายครบก็จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น ส่วนกรณีรถกู้ภัย สพฉ.ยังไม่ครบทุกตำบล จะพัฒนาเป็นความร่วมมือระหว่าง สพฉ. กับ อบต. บางครั้งมีปัญหารถปลอมเข้ามา จึงจะแก้ด้วยการให้กรมขนส่งทำทะเบียนพิเศษให้
“การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เราทำแผนไว้แล้ว โดยในปี 2577 เราประเมินว่าแพทย์ควรมีเพิ่มอีก 41,000 คน พยาบาล 57,000 คน เห็นด้วยว่าบุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนัก จึงพร้อมสนับสนุนให้นำข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ออกจาก กพ. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับคนทำงานหนัก รวมถึง อสม.ก็เป็นกำลังสำคัญ จึงอยากทำกฎหมายให้ อสม.มีความยั่งยืน และมีที่ยืน จึงขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรช่วยกันทำให้ อสม.มีความยั่งยืนด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สธ.ยังมีนโยบายเร่งรัดพัฒนา 5 ด้าน คือ
1.ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว งบประมาณ 167,753 ล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงระบบรักษา ลดแออัด ลดเดินทาง และยกระดับดิจิทัลสุขภาพ พร้อมเพิ่มเหมาจ่ายรายหัว จาก 3,472 บาท/คน เป็น 3,844 บาท/คน
2.แก้ปัญหาสุขภาพจิตและยาเสพติดอย่างบูรณาการ งบประมาณ 1,330 ล้านบาท เพื่อพัฒนาคุณภาพการบำบัดรักษา และดูแลผู้ป่วยตามระดับอาการ
3.การแพทย์ปฐมภูมิ และ อสม. ยกระดับหน่วยบริการปฐมภูมิ 2,700 แห่ง งบประมาณ 2,520 ล้านบาท เสริมความเข้มแข็ง อสม. เพื่อคัดกรองสุขภาพเชิงรุก และค่าป่วยการ งบประมาณ 25,800 ล้านบาท
4.Medical & Wellness Hub พัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ เพราะมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมการแพทย์สูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท ส่วนมูลค่าเศรษฐกิจสมุนไพรในตลาดโลก 1.7 ล้านล้านบาท จึงตั้งงบประมาณ 905 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ และตั้งงบประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนแพทย์แผนไทย
5.เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ ยกระดับการใช้เทคโนโลยี และการศึกษาวิจัย งบประมาณ 10,298 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ และยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพ












