ถก ครม.เศรษฐกิจนัดแรก เตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ ให้รายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ถก ครม.เศรษฐกิจนัดแรก เห็นปัญหาภาคการผลิต – การเข้าถึงแหล่งเงินทุนรายย่อย เตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ ให้รายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ก่อนใช้ดิจิทัล วอลเล็ตไตรมาส 4
วันนี้ (27 พ.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจครั้งที่ 1 / 2567 ว่า ที่ประชุมได้พูดคุยกันว่าปัญหาเกิดจากอะไร และนำปัญหาทั้งหมดมาพิจารณาและดูว่าจะต้องเริ่มแก้ไขอะไรบ้างในเชิงโครงสร้าง ระยะยาว ระยะปานกลาง และระยะเฉพาะหน้า โดยตัวเลขจีดีพีของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยเรื่อย จากการเปรียบเทียบย้อนหลัง 10 ปี ซึ่งเมื่อดูศักยภาพเมืองไทย ก็อยู่ในที่สภาพภูมิประเทศที่ดี จึงไม่น่าอยู่ในลำดับนี้ ต้องอยู่ที่ 3.5 ขึ้นไป และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านกว่า 10 ประเทศ ก็สูงกว่าเราทั้งนั้น จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าเศรษฐกิจเรากำลังมีปัญหา
นายพิชัย กล่าวต่อว่าระบบเศรษฐกิจผลักดันด้วยระบบการผลิต นำมาซึ่งการจ้างงาน การบริโภค เป็นวงจรไป เรามีการใช้กำลังการผลิตเมื่อเดือน มี.ค. อยู่ที่ 57.2% จึงเกิดคำถามว่าทำไมถึงผลิตเท่านี้ เมื่อย้อนไปตัวเลขการผลิตก็ต่ำมาเรื่อย ๆ จนเจอว่าผู้บริโภคไม่ซื้อ เนื่องจากไม่มีรายได้ ไม่มีกำลังซื้อ จึงพันกันมาเป็นวงจร ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องมาคุยตั้งแต่อุตสาหกรรมการเกษตร เรื่องทั่วไป เทคโนโลยี รถยนต์ รวมถึงที่ไม่เกี่ยวกับการผลิตคือภาคท่องเที่ยว และพลังงาน เมื่อดูทั้งหมด ดูว่าอันไหนทำงานได้ดี คือเรื่องการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นขึ้นมา และอีกเรื่องคืออุตสาหกรรม โดยผู้ค้ารายย่อยไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่ผู้ค้ารายใหญ่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและยังมีสภาพคล่องได้
นายพิชัย ระบุว่า วันนี้ต้องเร่งแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง ให้คนเข้าถึงแหล่งเงินทุนเร่งด่วน ส่วนภาคการผลิตต้องดูหลายอย่าง ในระยะยาวจะมีการเสนอมา เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหลายกระทรวง
ส่วนงานเฉพาะหน้า ผู้ว่าฯ ธปท.เห็นว่าต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ และย้ำว่ารัฐบาลเห็นอยู่แล้ว จึงพยายามหางบประมาณมากระตุ้น ก็ดูว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จัดการได้ อยู่ในวินัยทางการเงินการคลัง ในกรอบที่ทำได้ เรื่องเงินต้องรีบทำเลย ให้ทุกคนตื่นฟื้นขึ้นมา ทางธนาคารภาครัฐจะมีหลายโครงการ รัฐต้องใส่เงิน จัดโครงสร้างใหม่ให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ส่วนธนาคารพาณิชย์ต้องมีความยืดหยุ่น มาจัดการปรับปรุงโครงสร้างให้แข็งแรง ให้มาช่วยเข้าถึงแหล่งเงินกู้และต้นทุนถูกลง และเรื่องที่เห็นตรงกันคือค่าเงินเฟ้อต่ำ ของถูกไปสำหรับผู้ผลิต แต่คนซื้อก็มองอีกแบบ เราจึงจำเป็นต้องหาจุดตรงกลาง
นายพิชัย ระบุว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าอะไรที่ทำได้ให้ทำเลย และให้มารายงานความคืบหน้าในสองสัปดาห์ซึ่งในวันนี้ได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น ได้มองภาพตรงกันแล้ว
ส่วนจะมีการออกมาตรการผลักดันให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นหรือไม่ นายพิชัย ระบุว่า ต้องเร่งช่วยเหลือคนส่วนล่างให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และจะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ไปพร้อมกันด้วย อย่าลืมว่าอนาคตของประเทศไทยคืออุตสาหกรรมการเกษตร ต้องผลักดันให้สินค้าเหล่านี้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งจะต้องทำให้การผลิตต่อไร่มีคุณภาพ โดยต้องแก้ปัญหาเรื่องการจัดการน้ำ คุณภาพดิน พร้อมย้ำว่าต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างก่อน
ส่วนความมั่นใจว่าตัวเลขจีดีพีในปีนี้ จะเกิน 2.5 ได้หรือไม่นั้น นายพิชัย ระบุว่าเราต้องทำทุกวิถีทาง แต่ตนเองตอบไม่ได้ และตนเองคงไม่พอใจที่ตัวเลขแค่ 2.5 อย่างแน่นอน
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ผู้ว่าฯ ธปท. เสนอค้ำประกันสินเชื่อโดยบรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) ให้ธนาคารที่ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ มีคนมารับช่วงโดยผ่านจากงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่ ครม.ในอีก 2 – 3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบและกำลังพิจารณาเพิ่มวงเงิน เราจะทำให้เร็วที่สุด เม็ดเงินในระบบ งบประมาณ ต้องเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ส่วนสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจ คือธนาคารพาณิชย์ เฉพาะกิจของรัฐ เร่งรัดการปล่อยสินเชื่อให้ง่าย และเข้าถึงประชาชนมากขึ้น ตัวเลขเอสเอ็มอี รายใหญ่ ปล่อยตามสบาย แต่รายย่อยหดตัวรุนแรง จึงเพิ่มเงื่อนไขให้พิจารณาเอสเอ็มอีรายใหม่เป็นอันดับแรก
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการ ให้พิจารณาตลาดที่จะเข้ามาในไทย คือ ตะวันออกกลาง โดยได้สั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายของการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น และกระทรวงการคลังมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
สำหรับมาตรการด้านภาษี นายจุลพันธ์ ระบุว่า นายกฯ เชิญเศรษฐกิจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ ไม่ได้ตั้งเป็น ครม. เศรษฐกิจเหมือนอดีต เพื่อความคล่องตัว เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ละหน่วยงานจะนำโจทย์ที่ได้รับไปคิดต่อ และเสนอต่อที่ประชุม กลไกที่มีความหลากหลายของแต่บะกระทรวง ให้ข้ามหน่วยงานสะดวกขึ้น จึงจะขับเคลื่อนกลไกภาษีรองรับคาร์บอนเครดิต












