POLITICS

เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน จี้ นายกฯ สั่ง ทำแผนฉุกเฉินรับมือผู้ลี้ภัยเมียนมา

เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน จี้ นายกฯ สั่ง มท.-สมช.-กต. ทำแผนฉุกเฉินรับมือผู้ลี้ภัยเมียนมา เครือข่ายโยกย้ายถิ่นฐานเสนอ 7 แนวทาง แนะรัฐเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพหาทางออกสถานการณ์สู้รบในเมียนมา

วันนี้ (11 เม.ย. 67) เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน (คปฐ.) ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เร่งเตรียมความพร้อมในการรับมือผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงใน โดยมีเนื้อหาระบุว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ตรงข้ามพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นมา ได้ทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ โดยกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ได้เข้าโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาในพื้นที่รอบเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และสามารถเข้ายึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมาได้อย่างต่อเนื่องจนทำให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) เข้ามาหลบภัยภายในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง จำนวน 77 คน

คปฐ.ระบุว่า สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนตรงข้ามจังหวัดตากมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การไหลบ่าเข้ามาของชาวเมียนมาเพื่อหลบหนีสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว จึงเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยให้เร่งเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว ในประเด็นดังต่อไปนี้

1.กระทรวงการต่างประเทศ เร่งจัดตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อรับมือสถานการณ์เมียนมา โดยให้มีหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม เข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนรับมือและร่วมตัดสินใจการดำเนินการ

2.กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์สั่งการชายแดนเร่งรัดให้มีการประชุมจัดทำแผนการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินร่วมกัน โดยการมีส่วนร่วมของผู้แทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ รวมถึงการมีมติเสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาอนุญาตเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเพิ่มเติมเป็นการเร่งด่วน

3.นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนให้ดำเนินการตามมาตรา 13 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งได้บัญญัติหลักการห้ามผลักดันกลับไปสู่อันตราย (Non-refoulement Principle) ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) การปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่น ๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ CAT) อย่างเคร่งครัด

4.กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเร่งพิจารณาทบทวนแนวทางการอนุญาตให้ผู้หลบหนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาเข้ามาในประเทศไทยได้ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมเป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะได้สามารถดำเนินการบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบ

5.กระทรวงสาธารณสุข เตรียมความพร้อมในการควบคุมและป้องกันโรคระบาดในพื้นที่ชายแดน และรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความรุนแรง

6.สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ให้ความเห็นชอบอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุดลงและมีความจำเป็นที่ต้องหลบหนีความรุนแรง หรือทำงานเลี้ยงชีพ หรือศึกษาต่อ ให้อยู่อาศัยและทำงานได้เป็นการชั่วคราว เพื่อให้เข้าสู่การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบและตอบสนองความต้องการของภาคเศรษฐกิจของไทยอย่างเร่งด่วน

7.กระทรวงการต่างประเทศแสดงบทบาทนำในการเปิดพื้นที่เจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมาและฝ่ายต่อต้านและประสานสมาคมสหประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เพื่อเจรจาหาแสวงหาทางออกทางการเมืองจากสงครามการเมืองภายในประเทศเมียนมาเพื่อลดความรุนแรงอันจะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเมียนมา

Related Posts

Send this to a friend