ผมคัดค้านเรื่องนี้มาอย่างสุดๆ ตั้งแต่เป็น สสร.1 ร่างรัฐธรรมนูญ และร่างกฏหมายลูก ปี 2540 แล้ว สื่อมวลชนไม่ใช่อาชีพน่ารังเกียจของสังคมจนถึงขนาดถูกตัดสิทธิสิ้นเสรีภาพ และถูกอัปเปหิออกจากสารบบ ประชาธิปไตย
ในระบอบประชาธิปไตย พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันด้วยเรื่องอันใด: เพศ, วัย, เชื้อชาติ, ศาสนา, สีผิว, ความคิด, อาชีพ ฯลฯ การตัดสิทธิทางการเมืองจนหมดโอกาสเสนอตัวรับใช้ชาติในรัฐสภา และในรัฐบาล ทำไม่ได้ เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย แถมเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ผู้ประกอบอาชีพสุจริตด้วย
ที่จริงโจรผู้ร้ายและผู้ประกอบอาชีพทุจริตอื่นที่รัฐไม่สามารถสอบประวัติได้ ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของเขา
รัฐธรรมนูญกัมพูชาเขียนสั้นๆง่ายๆแค่ว่า “บุคคลอายุ 18 ปี มีสิทธิ์เลือกตั้ง และลงสมัครรับเลือกตั้ง” ผมกางรัฐธรรมนูญเขมรอภิปรายเรื่องนี้ แต่ล้มเหลว ไม่มีใครเอาด้วย
ตอนผมเป็น สสร.1 ผมก็ภูมิใจที่มีสื่อสารมวลชนมาเป็น สสร.ร่วมกัน 5 คน บุญเลิศ-จากมติชน วรพจน์-ไทยรัฐ สมเกียรติ-แปซิฟิคฯ และ อีกสองคน หากสื่อมวลชนเป็นนักการเมืองไม่ได้ ใครจะมาต่อสู้เพื่อการสื่อสารมวลชน และใครจะมีหัวใจปกป้องความจริงสาธารณะ ขณะที่นักการเมืองอาชีพอื่นโกหกกันเต็มสภา
สื่อมวลชนนั่นเองที่ร่วมร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 จนเกิดมาตรา 40 ว่าด้วยการจัดสรรคลื่นความถี่และการประกอบกิจการวิทยุ ทีวี และ Internet ทำให้เกิด กสช. กสทช. เช่นในทุกวันนี้ ถ้าจะลำเลิกเอาบุญคุณชื่อเสียง ผมเองนี้แหละเป็นผู้เสนอร่างมาตรา 40 ในรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่แรกเริ่ม (ผมก็ไม่อยากให้ กสทช.ทำงานแบบทุกวันนี้ หากผมมีโอกาสรับเลือกตั้งเป็น สส. / สว. อีกที ก็จะแก้ไขสิ่งผิดๆ ที่เกิดขึ้นหลังรัฐธรรมนูญฉบับตามหลังมาที่ทำเสียหาย จนสื่อมวลชนกลายเป็นอาชีพต้องห้าม มิให้มีส่วนสร้างชาติ
ในโลกนี้ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเลยจะห้ามสื่อมวลชนเป็นผู้แทนราษฎร เพราะสื่อมวลชนนั้นเป็นผู้แทนปวงชน เป็นปากเสียงของประชาชน มาตั้งแต่เกิดมีหนังสือพิมพ์ในศตวรรษที่ 17 แล้ว โดยไม่ต้องมีใครเลือกตั้ง
ไม่มีอาชีพไหนทำลายชาติโดยตรง มีแต่คนไม่ดีที่ทำลายชาติได้ ไม่ว่าจะเป็น หรือไม่เป็นผู้แทนราษฎร รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ต้องให้โอกาสแก่ประชาชนโดยเสรี ทั้งฝ่ายสมัครรับเลือกตั้งและฝ่ายลงคะแนนเลือกตั้ง ไมว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี-ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลความเห็นเฉพาะบุคคล- ล้วนต้องมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทั้งสิ้น
ผมเศร้าใจที่สื่อมวลไทยไม่สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพของตนเองและสถาบันวิชาอาชีพของตนเอง ทุกสื่อเพลิดเพลิน สะใจ พร้อมใจกันขย่มทุบทำลายคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของลูกชายผม กับ น้องช่อของผม, และพรรคอนาคตใหม่ของประชาชนผู้สนับสนุนจำนวนมาก รุมกันถล่มเจ้าของนิตยสารเล็กๆ ที่ผมไม่เคยอ่านกันอย่างไม่ลืมหูลืมตาดูตัวเองที่สิ้นเสรีภาพไปนานแล้ว ทั้งนี้ก็ด้วยฝีมือการทำลายสื่อของ คสช. ที่บรรดาสื่อสนับสนุนกันสนั่นเมืองนั่นเอง