ช่อ-พรรณิกา โฆษกอนาคตใหม่ เปิดใจหลังโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับภาพถ่ายช่วงจบการศึกษา
ช่อ-พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์เปิดใจหลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างเกี่ยวกับภาพถ่ายช่วงจบการศึกษา จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยในปีที่จบการศึกษา เป็นปีเดียวกับที่มีเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมษายน พฤษภาคม 2553 พอดีซึ่งนับเป็นช่วงที่การเมืองมีความเข้มข้นร้อนแรงที่สุดก็ว่าได้
การจะคิดว่าพาดพิงหรือไม่พาดพิงสถาบันนั้น คงต้องแล้วแต่การตีความ แต่หลายๆ ท่านที่ผ่านการถ่ายรูปรับปริญญาก็จะเข้าใจได้ว่ามีการถ่ายภาพหลากหลายร้อยพันท่วงท่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อมองย้อนกลับไป ภาพก็มีความไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความไม่สบายใจ จากการตีความที่หลากหลายของกลุ่มบุคคล ต้องขออภัยอีกครั้งหนึ่งหากภาพนี้จะทำให้เกิดความไม่สบายใจ และตนเองก็มีความไม่สบายใจอย่างมากที่ภาพนี้ได้ก่อให้เกิดบทสนทนาที่ไม่สร้างสรรค์ขึ้น โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย มีการใช้วาทกรรมที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง และไม่ได้มีประโยชน์กับฝ่ายไหนเลย
ในส่วนของกระบวนการทางกฎหมายก็คงเป็นไปตามขั้นตอน แต่จนถึงปัจจุบัน ช่อ กล่าวว่ายังไม่ได้รับการแจ้งจากทางตำรวจว่าเป็นการแจ้งความตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่อย่างไร ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้เพราะยังไม่ได้รับแจ้งมา
จุดยืนของพรรค คือไม่ต้องการให้นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือโจมตี ทำลายล้างทางการเมือง
ช่อเชื่อว่าประเทศไทยมีจุดยืนร่วมกันแล้วในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ พรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจเข้ามาร่วมการเมืองในระบบรัฐสภา นั่นหมายความว่าพรรคอนาคตใหม่มีจุดยืนที่ชัดเจนแล้วต่อการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า การโพสต์บนเพสบุ๊คก็เป็นความรับผิดชอบของผู้โพสต์อยู่แล้ว ในสมัยที่ยังเด็กกว่านี้ ก็มีความคิดที่อาจจะเข้มข้นหรือรุนแรงมากกว่านี้ เมื่อเวลาผ่านไปการเดินทางทางความคิดก็เปลี่ยนไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“แต่ถ้าย้อนกลับไปแก้ไขได้จะแก้ไขอะไรไหม ก็คิดว่าอดีตเป็นเรื่องของอดีต ปัจจุบันเป็นเรื่องปัจจุบัน การตัดสินกันที่ปัจจุบันเป็นสิ่งที่วิญญูชนทำกัน”
