HUMANITY

เปิดหัวใจนักปฏิวัติกะเหรี่ยง ep.01: ทางเดียวที่จะทำให้ประชาชนปลอดภัย “ทุกชาติพันธ์ุต้องร่วมกัน โค่นล้ม เผด็จการทหารพม่า”

เปิดภาพความเสียหายเมือง “เดปูโน่ว” รัฐกะเหรี่ยง พล.อ.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด KNLA/KNU ยืนยัน ทางเดียวที่จะทำให้ประชาชนปลอดภัย คือ “การโค่นล้มเผด็จการทหารพม่า” ขอทุกชาติพันธุ์ร่วมสู้ สนับสนุนให้มีรัฐบาลใหม่ ยึดอำนาจจากมินอ่องลาย คืนอำนาจให้ประชาชน สร้างสันติภาพที่แท้จริงในพม่า

สะเก็ดระเบิดที่ตั้งกองอยู่หน้าบ้าน รถเด็กเล่นที่กองอยู่ริมบันได ท่ามกลางคราบเลือดที่เป็นทางยาว ตั้งแต่ห้องนอนของบ้าน เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า บ้านหลังนี้มีเด็กชาย 5 ขวบเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบของกองพม่า เมื่อค่ำวันที่ 27 มี.ค.64 ส่งผลให้เด็กน้อยที่กำลังนอนอยู่ในห้องกับแม่เสียชีวิตทันที

ไม่ห่างกัน บ้านของเพื่อนบ้านมีร่องรอยสะเก็ดระเบิด ที่เสาบ้านทะลุฝาบ้าน มองเห็นเปลนอน ของผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ถัดออกไป มีบ้านอีกหลังหนึ่ง ถูกระเบิดไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง เด็กชายวัย 12 ปีเสียชีวิต ส่วนพี่น้องได้รับบาดเจ็บ ในคืนที่พ่อแม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เด็ก 4 คนในบ้านหลังนี้ ไม่สามารถหนีเสียงระเบิดได้ทัน

นี่เป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายจากเหตุโจมตีทางอากาศของกองทัพม่า ในพื้นที่ฐานกองพล 5 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU แต่ความเสียหายกลับเกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งเสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ 7 คน เป็นเด็กถึง 3 คน

เด็กอีกคนหนึ่งอายุเพียง 6 ขวบ เสียชีวิต ขณะหลบหนีในร่องน้ำกับยาย ซึ่งบริเวณนั้น มีต้นไม้ใหญ่ แต่ในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.ที่เครื่องบินรบพม่ามาทิ้งระเบิด ทำให้ต้นไม้ใหญ่ไฟไหม้และเกิดหลุมขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัดเจนถึงอานุภาพของแรงระเบิด

ความเสียหายจากเหตุระเบิดในวันที่ 28 มี.ค.64 เครื่องบินรบของทหารพม่า ทิ้งระเบิดลงในบ้านเดปูโน่ แต่กลับสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนประชาชนอีกหลายหลังคาเรือนเสียหาย หลังเกิดเหตุในวันที่ 27 มี.ค.64 ชาวบ้านได้อพยพไปในป่า แต่เจ้าของบ้านหลังหนึ่งกลับมาดูข้าวของและสัตว์เลี้ยงในบ้าน จึงเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ไม่คาดคิด

แรงระเบิดทำให้บ้านทั้งหลังถูกไฟไหม้ เหลือเพียงซากเครื่องเย็บผ้า ที่พอจะทำให้รู้ว่า ที่นี่เคยเป็นบ้านคนอยู่อาศัยมาก่อน มองไปรอบๆ มีล้อรถไถ ที่กระเด็นมาไกลจากตัวถัง มีหม้อใบหนึ่ง กระเด็นไปติดอยู่บนต้นไม้ ที่มีเสื้อผ้าบางชิ้น และข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ถูกไฟไหม้ กระจายไปทั่ว

บ้านเดปูโน่ว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากริมน้ำสาละวิน ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทยที่ตำบลเสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร 3 สัปดาห์หลังการถูกโจมตีทางอากาศ กลายเป็นหมู้บ้านร้าง ประชาชนอพยพไปอาศัยอยู่ในป่า และริมน้ำสาละวิน ยังไม่กล้ากลับเข้าบ้าน จึงมีเพียงสัตว์เลี้ยง ทั้งไก่ แพะ หมูป่า วัว ควาย และทหารที่ประจำการในกองพล 5 คอยดูแลความปลอดภัยและรักษาฐานที่มั่นที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดของ KNU

นี่จึงนับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของ KNU และถือเป็นการสู้รบครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในรอบกว่า 20 ปี ที่ทหารพม่าใช้การโจมตีทางอากาศอย่างไร้มนุษยธรรมในการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์

“เป้าหมายทหารพม่าที่โจมตีทางอากาศในพื้นที่กองพล 5 KNU ต้องการทำลายขวัญกำลังใจทหาร สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน สร้างความแตกแยก ไม่ให้ประชาชนไว้ใจทหารกะเหรี่ยง เพื่อให้ KNU วางอาวุธ อยู่ภายใต้กองทัพพม่า ซึ่งเรายอมรับไม่ได้”

พล.อ.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU เปิดเผยว่า สาเหตุที่กองทัพพม่า เปิดฉากโจมตีทางอากาศในพื้นที่ กองพล 5 ของ KNU เป็นการเตรียมการมาตั้งแต่ 2015 หลังมีการลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ หรือ NCA แม้จะเริ่มกระบวนการสันติภาพ แต่ทหารพม่า พร้อมโจมตีกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ ที่ไม่ยินยอม เพียงแต่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม

พล.อ.บอจ่อแฮ ยืนยันว่า การสู้รบครั้งนี้จึงไม่เกี่ยวกับกรณีที่ กองพล 5 KNU เข้ายึดฐานทหารพม่า ในวันที่ 27 มี.ค.64 ไม่เกี่ยวกับกรณีที่ KNU ไม่เห็นด้วยกับการส่งเสบียงข้าวสาร 700 กระสอบให้ทหารพม่าผ่านทางบ้านแม่สามแลบเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และอาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรงที่ KNU ประกาศยืนเคียงข้างประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร แต่เป็นเป้าหมายของทหารพม่าที่ต้องการให้ KNU วางอาวุธแล้วอยู่ภายใต้ทหารพม่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ KNU ยอมรับไม่ได้

“เป้าหมายของ KNU ต่างกับทหารพม่า คือ เรามีกองกำลังเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ ปกป้องประชาชน แต่กองทัพพม่ามีเพื่อยึดอำนาจทั้งหมด จึงอยากเรียกร้องทุกชาติพันธุ์ร่วมยึดอำนาจมาจากรัฐประหาร หยุดสิ่งที่เขากำลังเข่นฆ่าประชาชน เป็นการยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ที่เราไม่เห็นด้วย”

พล.อ.บอจ่อแฮ ยืนยันว่า จุดยืนของ KNU มีกองกำลังทหารเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ ประชาธิปไตย และปกป้องประชาชน แต่กองทัพพม่า มีทหารเพื่อยึดอำนาจจากประชาชน การฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมืองเดปูโน่ว การสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้กลับเข้ามาอยู่ในบ้านอย่างปลอดภัย เป็นสิ่งที่เราคาดหวังให้เกิดขึ้นโดยเร็ว แต่สิ่งนี้จะเกิดไม่ได้ หากไม่สามารถโค่นล้มเผด็จการทหารพม่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกชาติพันธุ์ต้องร่วมมือกัน

“เราคาดหวังจะฟื้นฟูเมืองเดปูโน่ว ให้ประชาชนได้กลับไปอยู่อย่างปลอดภัยเร็วที่สุดในเดือนหน้า แต่หากเผด็จการทหารพม่ายังอยู่ในอำนาจ อาจเป็นเรื่องยาก ประชาชนต้องหนีต่อไป ทางเดียวคือ ร่วมกันโค่นล้มเผด็จการทหารพม่า ทุกชาติพันธุ์ต้องร่วมมือกัน”

พล.อ.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด KNLA/KNU กล่าวย้ำ เป้าหมายสิ่งเดียว คือ ต้องล้มการปกครองของเผด็จการทหารพม่าให้ได้ ทุกชาติพันธุ์ต้องร่วมมือกัน การที่ KNU สนับสนุน รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ NUG เป็นส่วนหนึ่งที่เราทำได้เราก็สนับสนุน ทหารก็มีหน้าที่สู้รบปกป้องประชาชน ในขณะที่ประชาชนก็มีหน้าที่ต่อสู้ในรูปแบบต่างๆ

“หากไม่ร่วมมือกันคงยาก เห็นชัดเจนว่า ทหารพม่ากำลังทำลายทีละกลุ่ม ตอนนี้โจมตีกะเหรี่ยง ต่อไปก็ไปโจมตจีไทใหญ่ หากเราสู้เดี่ยวๆ คงทำอะไรกองทัพพม่าไม่ได้ เพราะมาสร้างความแตกแยก ดังนั้นต้องสร้างความร่วมมือกันทุกชาติพันธุ์”

พล.อ.บอจ่อแฮ กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมาทหารพม่า ใช้การลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ หรือ NCA เป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยกของประชาชน เป็นสิ่งที่ทหารพม่าใช้มาต่อรอง ถ่วงเวลา และทำให้กระบวนการสันติภาพล้มเหลว

“กระบวนการสันติภาพต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการสนับสนุนให้มีรัฐบาลใหม่ ต้องยึดอำนาจจากมินอ่องลาย คืนให้ประชาชน นั่นคือ สันติภาพที่แท้จริงในประเทศนี้” พล.อ.บอจ่อแฮ

ติดตามรายงานพิเศษ “เปิดหัวใจนักปฏิวัติกะเหรี่ยง”ตอนต่อไปได้ที่ : The Reporters

Related Posts

Send this to a friend