เตือนคนไทย นำกัญชา-กัญชง เข้าญี่ปุ่น คุก 7-10 ปี ประเทศอื่นโทษหนักเช่นกัน

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว แจ้งเตือนคนไทย ห้ามนำเข้ากัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าว เข้ามาในประเทศญี่ปุ่น หากฝ่าฝืน มีโทษตามกฎหมายญี่ปุ่น โดยกรณีพบว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อนำเข้าและส่งออก มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี แต่หากมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 3 ล้านเยน

ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย แจ้งเตือนคนไทยมิให้นำกัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวเข้ามาในประเทศอินโดนีเซีย หากฝ่าฝืนมีโทษปรับขั้นต่ำ 1 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 2,392,400 บาท) จำคุกขั้นต่ำ 5 ปี หรือโทษสูงสุดประหารชีวิต

ส่วนสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดเข้มงวดที่สุดในโลกระบุว่า การครองครองและการใช้กัญชา รวมถึงผลิตภัณฑ์กัญชา มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับ 20,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 510,358 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการนำเข้า ส่งออก หรือจำหน่าย โทษจะขึ้นอยู่กับปริมาณ หากมากกว่า 500 กรัม หรือมียางกัญชามากกว่า 200 กรัม หรือมีกัญชาผสมมากกว่า 1,000 กรัม มีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

ที่มาเลเซีย ซึ่งกำหนดให้การใช้กัญชาทางการแพทย์ถูกกฎหมาย เหมือนในประเทศไทย แต่กรณีพบว่า เข้าข่ายเป็นการค้า หรือมีกัญชาไว้ในครอบครอง 200 กรัม มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่หากมีในครอบครองไม่เกิน 50 กรัม มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี

ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งยังไม่อนุญาตให้มีการการปลูกและใช้กัญชา กฎหมายระบุว่า ผู้ที่มีกัญชาในครอบครองอย่างน้อย 500 กรัม หรือยางกัญชา 10 กรัม มีโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับไม่เกิน 10 ล้านเปโซ หรือราว 6,487,578 บาท โดยโทษจะเบาลงตามปริมาณกัญชาที่พบ

ที่บรูไน การครอบครองและใช้กัญชาหรือยางกัญชา มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และ/หรือปรับ 20,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 710,010 บาท โดยหากบุคคลใดมีกัญชาในครอบครองมากกว่า 15 กรัม หรือยางกัญชามากกว่า 10 กรัม ถือเป็นผู้ค้า ขณะที่การครอบครองกล้องสูบหรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อใช้สูบกัญชา ก็มีโทษเช่นกัน โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับ 10,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 355,095 บาท