‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ แจง ผบ.ตร.ยังไม่ได้เรียกพบ แต่หากเรียกมาก็พร้อมไปทันที
‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ แจง ผบ.ตร.ยังไม่ได้เรียกพบ แต่หากเรียกมาก็พร้อมไปทันที เตือนอีกฝ่าย อย่ามาด่าองค์กรตำรวจ
วันนี้ (23 ก.พ. 67) เวลา 14.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกตนเองพร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในการการนำข้อมูลออกมาตอบโต้กันผ่านสื่อฯ จนทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าขณะนี้ยังไม่มีการเรียกพบจาก ผบ.ตร. แต่ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา หากท่าน ผบ.ตร. เรียก ก็สามารถเรียกตนเองได้ตลอดเวลา ถ้าเรียกมาเวลาไหนตนเองก็พร้อมไปทันที
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่าจากนี้ไปตนเองจะไม่ให้สัมภาษณ์ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) แล้ว เพราะเราไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งในองค์กรตำรวจ เพราะตำรวจมาทะเลาะกันเอง แต่ตนเองก็ต้องยืนยันว่ามันไม่ได้เป็นการทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ไม่เป็นไร หากผู้ใหญ่เป็นห่วงภาพลักษณ์ขององค์กร ตนเองก็จะหยุดให้สัมภาษณ์ตรงนี้ และจากนี้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดทำงานคดีเว็บพนันมินนี่ จะเป็นคนให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลเรื่องนี้โดยตรง ซึ่ง พล.ต.อ.ธนา ก็คงจะให้สัมภาษณ์แบบสบายๆ แต่เวลาตนเองให้สัมภาษณ์ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ชุดทำงานมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นโฆษกในการตอบคำถามสื่อมวลชนในเรื่องนี้ จากนี้ไปจะยังเป็นโฆษกอยู่อีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เอากันแค่ยกแรกพอ ส่วนยกที่สองขอให้ พล.ต.อ.ธนา เป็นคนดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหนักใจหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า “ผมว่าผมดีใจนะที่กำลังจะเพิ่มพื้นที่สีขาวให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และลดพื้นที่สีดำ เพื่อจะได้มีตำรวจสีขาวให้มากขึ้น เดี๋ยวตัวเลขคงจะปรับนิดๆ ผมดีใจ และมีความสุขในการทำงาน”
ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังฝากเตือนไปถึงอีกฝ่ายว่าอย่ามาด่าองค์กรตำรวจ ถ้าด่าองค์กรตำรวจ ตนเองก็เป็นตำรวจคนหนึ่ง ตนเองก็จะลุกขึ้นมาพูด ถ้าสงบปากสงบคำได้ ก็โอเค แต่ขออย่าให้สัมภาษณ์กดดัน และข่มขู่พนักงานสอบสวน ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายทำงานเพื่อองค์กรอย่างเต็มที่ อย่าแถลงออกสื่อด่าแต่องค์กรของตนเอง หากยังไม่หยุดตนเองจะออกมาตอบโต้เช่นเดียวกัน
พร้อมกันนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ขอยืนยันว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่เพียงบางสิ่งบางอย่าง ต้องบอกว่าขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานในการทำคดีสำคัญ เพราะการขู่ทุกวันจะทำให้พนักงานสอบสวนลาออกจากคณะ พนักงานสอบสวน ชุดทำงานไม่มีความมั่นใจ ตนเองต้องการปลุกกระแสขึ้นมาว่าผู้บังคับบัญชาไม่ทอดทิ้ง ผู้บังคับบัญชายังเป็นห่วง ผู้บังคับบัญชาจะทำงาน แล้วจะทำเรื่องนี้ให้สัมฤทธิ์ผลให้ดีที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในวงการตำรวจ มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากที่เอี่ยวคดีเว็บพนัน แต่ทำไมไม่มีการตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หากมีหลักฐาน หรือข้อมูลตรงไหน อย่างไร ใครทำผิดสามารถมาร้องเรียนได้ เพราะมีหลายหน่วยทำงานเรื่องนี้ และตนเองเห็นว่า ที่ผ่านมาหากมีการมาร้องก็ดำเนินคดีแล้วทุกเคส อย่าเอาข้อมูลไปอ้างแบบนี้ มันไม่ดี
ส่วนกรณีที่มีพิธีกรรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งออกมาวิเคราะห์ว่า “บิ๊กเต่า คับแค้นใจ บิ๊กโจ๊ก สืบเนื่องจากมีการไปกดดัน เรื่องผู้กำกับเบิ้ม ในคดีกำนันนกจนปลิดชีพตัวเอง”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่าพิธีกรคงพูดไปตามข่าวที่มี แต่หากถามว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีการทวงความยุติธรรมให้กับผู้กำกับเบิ้มหรือไม่ หากตอบจริงๆ ผู้กำกับเบิ้ม ถูกกดดันจนเสียชีวิตเป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะเขาผิดในเรื่องแรก ก็อยากที่จะไปบวช ส่วนความผิดเรื่องที่สองทำให้เครียด เพราะถูกเจ้าหน้าที่กดดัน ซึ่งเราพยายามปลอบประโลมและสร้างความเข้าใจ แต่ด้วยความที่ตัวเขาเองเป็นตำรวจที่ดี ไม่เคยเจอกับปัญหาที่ต้องถูกดำเนินคดี ทำให้เครียด ซึ่งอาจจะมีภูมิต้านทานในการดำรงชีวิตในการดำเนินอาชีพตำรวจต่ำ พอเวลาเจอปัญหา จึงไม่มีภูมิต้านทาน พอโดนบี้ และขยี้หนักๆ จากหลายฝ่าย ทั้งที่ไม่ผิด ซึ่งผู้กำกับเบิ้ม มาบอกว่า “ไม่ผิด” แต่ชุดสืบสวนจับกุม ยังยัดเยียดความผิดให้ แม้แต่ตายไปแล้ว ยังมีการแจ้ง ม.157 กับคนตาย มันบ้าไปแล้ว แต่หากถามว่าตนเองโกรธเครื่องหรือไม่ ตนเองไม่โกรธเคืองเพราะเขาได้ตายไปแล้ว ซึ่งมันได้จบไปแล้ว ส่วนเรื่องคดีก็เป็นเรื่องของคดี “ไม่มีการเอาวิญญาณคนตายมาหลอกหลอน เรื่องจบไปแล้ว”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายถึงพิธีกรคนดังกล่าวว่า เป็นนักข่าวก็คุยอะไรให้มันสร้างสรรค์ อย่ายุให้คนทะเลาะกันมันไม่ดี ตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและมีอุดมการณ์ในการทำงาน ไม่เอาเรื่องส่วนตัวไปยุ่งกับเรื่องงาน