ทั้งนี้ เนื่องจากตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ดังนั้น สาเหตุแห่งการเสียชีวิตจะเกี่ยวกับโควิด-19 หรือไม่ จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการ (ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ) ต่อไป
ส่วนอีก 1 ราย ที่มีการติดเชื้อวัณโรคร่วมด้วย ตรวจไม่พบเชื้อต่อเนื่องเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยสรุป ในขณะนี้ มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 30 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 42 ราย
ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 2,953 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 92 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 2,861 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,748 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,205 ราย
สถานการณ์ทั่วโลกใน 60 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 85,983 ราย เสียชีวิต 2,941 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 79,257 ราย เสียชีวิต 2,835 ราย
กระทรวงสาธารณสุข ย้ำหากพบผู้ป่วยและสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อภายใน 3 ชั่วโมง
ในส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยสำหรับประชาชนในวันพรุ่งนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นไปตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนที่หาซื้อไม่ได้นำไปใช้สำหรับตนเองและครอบครัว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย สำหรับป้องกันเชื้อโรคตามความจำเป็น โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การเภสัชกรรมบริจาคให้ประชาชน ทั้งนี้หน้ากากอนามัยที่แจกฟรีให้ประชาชนเป็นคนละส่วนกับที่จัดสรรให้กับสถานพยาบาล ซึ่งมีแผนการจัดสรรชัดเจนตามความต้องการที่แจ้งผ่านมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและเขตสุขภาพ ต้องมีเพียงพอต่อการใช้งานในการบริการผู้ป่วย
สำหรับประชาชนที่มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีการรายงานพบผู้ป่วย หลังเดินทางกลับประเทศไทยภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไอ เสมหะ หายใจเร็ว หอบให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้