คณบดีนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ มอง ในยุคที่ทุกคนเป็นสื่อได้ ผู้รับข่าวสาร ต้องพัฒนาทักษะในการรับข่าวสาร มากกว่าการสร้างข่าว
คณบดีนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ ชี้ “ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์ได้ แต่ทุกคนจะพัฒนาตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้” ต้องอาศัยการสร้างเครดิต – คอนเทนต์น้ำดี ที่เคารพผู้ชม มอง ในยุคที่ทุกคนเป็นสื่อได้ ผู้รับข่าวสาร ต้องพัฒนาทักษะในการรับข่าวสาร มากกว่าการสร้างข่าว
วันนี้ (27 ม.ค. 68) ) The Reporters จัดโครงการอบรม “Content Creator 101 คอนเทนต์สร้างสรรค์ … คุณก็ทำได้” ณ ศูนย์ประชุมบางกอกกรุ๊ป ตึกวรรณสรณ์ กรุงเทพมหานคร โดยมี ผศ.ดร.อริชัย อรรคอุดม คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวถึงการเรียนรู้การเป็นครีเอเตอร์ในหลักวิชาการว่า มันจะมีลักษณะของคำเรียกขานหรือวิธีคิดในหลาย ๆ คำ ที่จะมีคำจำกัด ซึ่งคำต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ได้ระบุไว้ว่า ใครเป็นอะไร และอยากให้ทุกคนคิดว่า มันไม่ได้แตกต่างกันที่ประเภท แต่แตกต่างกันที่ระดับ ซึ่งถ้าเราเป็นมือใหม่ เราจะไม่สามารถจะเป็นฟลูเอนเซอร์ได้เลย เพราะ เรายังไม่ได้อินฟลูเอนใคร หรือจะต้องมีอิทธิพลกับใครบางคน และจะต้องสร้างให้เครดิตตนเองในระดับหนึ่ง ที่จะเลื่อนจากครีเอเตอร์ธรรมาดาขึ้นมา
“ทุกคนไม่ได้สำเร็จทุกคน ทุกคนเป็นครีเอเตอร์ได้ แต่ทุกคนจะพัฒนาตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้ เพราะจะต้องสั่งสมความนิยมหรือเสน่ห์ที่ถูกฝาถูกตัว“ ผศ.ดร.อริชัยกล่าว
อีกทั้ง บางทีแต่ในแต่ละช่องทางที่มีคาแรคเตอร์ที่ไม่เหมือนกัน หรืออาจจะจับกลุ่มผู้คนไม่เหมือนกัน ฉะนั้นการจะพัฒนาจากครีเอเตอร์มาเป็นเป็นอินฟลูเอนเซอร์นั้นต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นยอดติดตาม หรือคอนเทนต์ของเรา ที่ต้องเป็นคอนเทนต์น้ำดี หรือชี้นำผู้คน ที่ต้องสม่ำเสมอ และตั้งใจมากพอ ที่จะต้องเคารพผู้ชม และคนของเราได้อย่างชัดเจน เพื่อให้สิ่งนั้นได้กลายเป็นชัดเจนให้คนเชื่อเราว่า สามารถยืนหยัดอยู่ได้จริงๆ ซึ่งการสั่งสมนี้ ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะเหตุการณ์ต่างๆ

ดังนั้น ในมหาวิทยาลัยจะต้องมีการปรับตัวให้เราสามารถผลักดันพวกเขาได้ เพราะปัจจัยมหาวิทยาลัยมีหน้าที่เพียงแค่สนับสนุนนักศึกษาเป็นไปตามในสิ่งที่เขาอยากเป็นในอนาคต ซึ่งเราชี้นำเขามากไม่ได้ แต่เราทำให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำมากยิ่งขึ้นหรือให้ใกล้กับความเป็นจริงเท่านั้นเอง
ผศ.ดร.อริชัย กล่าวอีกว่า เราจะให้ได้ว่าในกระบวนการการรับสื่อ และคาแรคเตอร์ของคนที่แตกต่างกัน จะทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของคน แต่ในมุมมองเชิงวิชาการวิธีการอธิบายของเหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้ทฤษฎีที่เราเรียนมา ไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์เหล่านี้ได้ เช่น การที่ใช้สื่อชี้นำคน แต่ตอนนี้สื่อมวลชนที่เป็นกระแสหลักมีอำนาจ และอธิพลน้อยลง ดังนั้นเหตุการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ขยับเพียงแค่โลกจริง แต่ยังขยับในวงวิชาการด้วย และติดตามสถานการณ์ได้ไม่ทัน เพราะในโลกวิชาการสมัยก่อนนั้นขยับตัวช้า
“พวกเราที่เป็นผู้รับข่าวสารในชีวิตประจำวัน เราต้องพัฒนาทักษะการรับข่าว มากกว่าการสร้างข่าวซะอีก ที่จะทำให้สังคมอยู่ได้อย่างสงบสุข และมีประโยชน์“
ส่วนการจะเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ดีต้องมีอะไรบ้างนั้น ผศ.ดร.อริชัย กล่าวว่า คอนเทนต์ปัจจุบันส่วนใหญ่จะกลายเป็นวิดีโอ โดยเราถูกสอนมาว่าเราต้องทำสคริปต์มาให้ดี และค่อยไปถ่าย และตัดต่อ ก่อนเผยแพร่ แต่ปัจจุบันนักศึกษาจะถ่ายก่อน ที่ลักษณะความคิดถูกเปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องดึงกลับมาให้ดูพื้นฐานการทำงานว่ากว่าจะได้มาเป็นในระดับนี้ ต้องผ่านอะไรบ้างก่อนจะนำไปเผยแพร่
ทั้งนี้ การแข่งขันคอนเทนต์ในปัจจุบันมีเยอะมาก ฉะนั้นเราจะต้องมาดูในความถนัดของเรา รวมถึงสิ่งที่ตลาดต้องการว่าพวกเขาต้องการบริโภคอะไร และการพิจารณาเพื่อให้เราอยู่ในวงการนี้ได้อย่างยั่งยืน
ส่วนคอนเทนต์ที่ไม่ดี คือบางส่วนที่ตั้งใจทำไม่ดี เพื่ออยากได้ยอดไลค์สูงๆ หรือไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นไม่ดี และยังมุ่งมั่นที่จะทำ ซึ่งวงการนี้มันเข้าง่าย รวมทั้งการผลิตสื่อ ก็มีทั้งแบบผลิตได้กับผลิตดีนั้น ไม่เหมือนกัน และยังมีผลิตแบบรับใช้สังคมได้ และมีความรับผิดชอบต่อสังคมก็ไม่เหมือนกัน เพราะเมื่อเผยแพร่ไปแล้วมันก็จะกลายเป็นของทุกคน ดังนั้นการจะเป็นคอนเทนต์น้ำดีได้ เราต้องเข้มงวดและตรวจสอบกับคอนเทนต์นั้นให้ถี่ถ้วน
“เราเชื่อว่าในอนาคตที่จะเราผลักดันในเรื่องทิศทางคอมเม้นท์ต่างๆ ก็อาจจะทำให้ทุกคนใส่ใจกันมากขึ้น ซึ่งกฎหมายหรือการปฏิบัติของภาครัฐหรือเอกชนทำงานไปด้วยกัน ถึงจะทำให้สิ่งนี้สำเร็จไปด้วยกัน“
