PUBLIC HEALTH

นายกรัฐมนตรี ตรวจความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนนอก รพ. ย้ำทุกคนได้ฉีดวัคซีน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 นอกสถานพยาบาล ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและหอการค้าไทย ดำเนินการโดยศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ และโรงพยาบาลบางปะกอก

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในวันนี้ได้เห็นความพร้อมเพรียงในเรื่องการเตรียมการตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างครบถ้วน พร้อมขอบคุณผู้ให้บริการเจ้าของสถานที่ รวมถึงผู้ที่บริจาคสิ่งของดูแลช่วยเหลือให้กับผู้ที่ได้รับเข้าฉีดวัคซีน โดยจะเห็นได้ว่าขณะนี้การบริหารวัคซีน การฉีดวัคซีนจะกระจายเร่งทำให้มากยิ่งขึ้นตามปริมาณวัคซีนที่ได้กระจายไป และมีหลายกลุ่มที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีน ขอให้ฟังที่ตนพูด อย่าไปฟังที่อื่นพูดเพราะจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดไป นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ช่วยกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เพราะทำงานแบบนี้เหนื่อย เสียสละอดทน ปกติการบริหารก็ยากอยู่แล้วเพราะคนจำนวนมาก ถ้าหากทำให้สับสนไปเรื่อยๆ ขยายข่าวไปเรื่อยๆก็จะเกิดความสับสนมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดก็จะมาลงที่เจ้าหน้าที่ จึงขอให้นึกถึงหัวใจของเจ้าหน้าที่บ้าง ขอแค่นั้น

ในส่วนการให้บริการถือว่าเป็นการฉีดที่จะต้องบริหารวัคซีนที่ได้รับทั่วกรุงเทพฯ 25 จุด ตามจำนวนที่มอบไป ส่วนการบริหารวัคซีน จะบริหารเป็นเดือน จะให้ทุกคนได้ฉีดมากที่สุดในเดือนนั้น โดยเป้าหมายจะฉีดให้ได้ในเดือนธันวาคม และย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด แต่ยอมรับว่า การทำงานเพื่อคนหมู่มากในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คงไม่ต้องขอโทษ เพราะบางอย่างจำเป็นต้องมีความอ่อนตัวในการบริหารบ้าง ซึ่งการทำงานมีแนวทางกำหนดไว้ล่วงหน้าว่าสถานการณ์จากระดับ 1234 แล้วจะทำอย่างไร ฉะนั้นการบริหารวัคซีนการจัดหาสถานที่ฉีด จำนวนผู้ฉีด การกระจายวัคซีน ทุกอย่างจะต้องมีการปรับ แต่ทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน ตนขอยืนยัน ขออย่าไปพูดว่าคนนั้นไม่ได้ฉีด คนนี้ได้ฉีด ขอความร่วมมือกับสื่อด้วย เรื่องใดที่ไม่เกิดประโยชน์ขอความกรุณาอย่าไปแพร่ในสื่อทุกชนิดเพื่อลดความขัดแย้ง เพราะไม่ใช่เรื่องสนุกที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งกัน ตนไม่อยากให้ใครทะเลาะกันทั้งสิ้นไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม เราต้องไปด้วยกัน การทำสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งดีๆ ถือเป็นกุศลต่อตนเองทำให้ประเทศชาติฟื้นตัวขึ้น

ส่วนกรณีที่บริษัทเอกชนยื่นข้อเสนอเจรจาซื้อขายวัคซีน ซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดส ให้กับรัฐบาลและมีการเผยแพร่ข้อมูลออกไปนั้น รัฐบาลจะฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่อย่างไร นายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไป ขออย่ามาถามล่วงหน้า ส่วนบริษัทที่มาติดต่อเป็นทางการแล้ว ต้องผ่านการขึ้นทะเบียน อย. กำลังรอในการเจรจานำเข้า และย้ำว่าต้องเข้าตามช่องทางที่ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าไม่เข้าตามช่องทางมาไม่ได้ ส่วนการกระจายวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่จะเข้ามาในเดือนมิถุนายน ย้ำว่า วัคซีนทั้งหมดที่มีอยู่ในเดือนนี้จะกระจายเดือนมิถุนายนและจะกระจายไปให้ได้มากที่สุด ตนมอบนโยบายไปแล้วว่า จำเป็นต้องกระจายเป็นรายเดือน ไม่เช่นนั้นวางแผน 6 เดือนแล้วจะได้ตามนั้นหรือไม่ ฉะนั้น ตนยืนยันว่าทุกคนได้รับการฉีดแน่นอน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าประชาชนที่ได้ลงทะเบียนผ่าน แอพลิเคชั่น “หมอพร้อม” จะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน ทั้งแอพลิเคชั่นที่จัดขึ้นมาใหม่ และขณะนี้ ให้ใช้ “หมอพร้อม”รองรับคนที่มาฉีดใหม่ด้วย เพื่อติดตามผลการฉีด ส่วนพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทุกจังหวัดมีระบบอยู่แล้ว ขอให้ไปติดตามจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการเกี่ยวกับสสจ. อสม. กำลังตามฉีดทำทุกอย่าง

ส่วนปัญหาวัคซีนการเมือง นั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มีทุกพรรคเข้าใจกันดี ได้คุยกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร วันนี้มีปัญหาอะไรตรงไหน การจะปรับเปลี่ยน ก็เปลี่ยนตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ว่าอะไรดีกว่า อะไรใช่อะไรไม่ใช่ ต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ฟังทั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน และสาธารณสุข ทำทุกอย่างตามข้อมูลที่หลายฝ่ายเสนอเข้ามา ขออย่าเอาไปตีให้แตกกันหมดเลย บ้านเมืองวุ่นวายพออยู่แล้ว

สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล หรือ “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ณ บริเวณโกดัง 4 ศูนย์การค้า เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เป็น 1 ใน 25 แห่ง โดยความร่วมมือบริการวัคซีนโควิด-19 ระหว่างกรุงเทพมหานคร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลบางปะกอก 1  มีความพร้อมในการให้บริการวัคซีนตามขั้นตอนต่างๆ ครบถ้วน อาทิ จุดลงทะเบียน จุดวัดน้ำหนักส่วนสูง จุดวัดความดัน จุดฉีดวัคซีน และจุดพักสังเกตอาการหลังการฉีด สามารถให้บริการ 1,500-2,000 คน /วัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. โดยวันนี้ได้ทดสอบระบบโดยทำการฉีดวัคซีน 800 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สานักอนามัย กทม. ได้นำข้อมูลเข้าไว้ในระบบ อาทิ ผู้ที่ขับรถยนต์สาธารณะ พนักงานเก็บค่าโดยสารสาธารณะ พนักงานเก็บ กวาดขยะจากสานักงานเขต คนขับแท็กซี่ วินจักรยานยนต์ พนักงานขนส่งอาหารต่าง ๆ ผู้มีอาชีพ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก และบุคลากรทางการศึกษารวมไปถึงกลุ่มอาสาสมัคร และกลุ่มเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลเครือข่าย ได้เปิด “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19” นอกรพ. เพื่อทดสอบระบบการให้บริการแล้ว 8 แห่ง ประกอบด้วย 1.เซ็นทรัล ลาดพร้าว  ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี 2. สามย่านมิตรทาวน์ ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 3. เดอะมอลล์ บางกะปิ ร่วมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 4. บิ๊กซี บางบอน ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 5. สยามพารากอน ร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ 6. เซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า ร่วมกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล 7.โลตัส มีนบุรี ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางประกอก และ 8. หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้า เขตดินแดง

Related Posts

Send this to a friend