PUBLIC HEALTH

กรมวิทย์ฯ แจงโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 ความสามารถแพร่เชื้อ-หลบภูมิ ไม่ต่าง BA.1

กรมวิทย์ฯ แจงโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ความสามารถแพร่เชื้อและหลบภูมิ ยังไม่ต่างจากสายพันธุ์ BA.1 

วันนี้ (25 ม.ค. 65) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ติดตามสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์ในประเทศ และติดตามสายพันธุ์น่ากังวลที่อาจพบจากผู้เดินทางเข้าประเทศต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีการตรวจการกลายพันธุ์ 

โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา พบสายพันธุ์ที่น่ากังวลในประเทศไทย ประกอบด้วย อัลฟา เบตา เดลตา และโอมิครอน ซึ่งเจอรายแรกเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 เป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 พบการกลายพันธุ์ตำแหน่ง K417N, T478K, N501Y และ del69/70 แต่ไม่พบการกลายพันธุ์ตำแหน่ง L452R ซึ่งเป็นรูปแบบการกลายพันธุ์รูปแบบหนึ่งของสายพันธุ์โอมิครอน 

ในช่วงแรก ประเทศไทยยังคงพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เฉพาะในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ถัดมา เริ่มพบผู้ติดเชื้อในประเทศ โดยเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่พบในคลัสเตอร์ดังกล่าว เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.1 

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่อว่า จากการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ พบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยในประเทศ ได้แก่ BA.1 และ BA.2 โดยสายพันธุ์ย่อย BA.2 ตรวจพบรายแรกตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2565 ได้รายงานในระบบฐานข้อมูล GSAID ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2565 ส่วน BA.3 ยังไม่พบในประเทศไทย

สำหรับผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ทั้ง 9 ราย ลักษณะสำคัญทางพันธุกรรม คือ ไม่พบการกลายพันธุ์บน spike โปรตีน ของตำแหน่ง 69-70 แตกต่างจาก BA.1 และ BA.3 ทั้งนี้ และจากการติดตามสายพันธุ์ย่อย BA.2 ยังไม่พบความแตกต่างจากสายพันธุ์ย่อย BA.1 ในประเด็นความสามารถในการแพร่เชื้อที่รวดเร็ว อาการรุนแรง หรือสามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ จากการติดเชื้อหรือการได้รับวัคซีนมาก่อน

Related Posts

Send this to a friend