PUBLIC HEALTH

สปสช. แจง ถอนโควิดพ้น UCEP ยังรักษาฟรีตามสิทธิ ฉุกเฉิน เข้ารพ.ใกล้บ้าน ไม่มีค่าใช้จ่าย

วันนี้ (13 ก.พ. 65) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ออกจากภาวะฉุกเฉินวิกฤติรักษาทุกที่ หรือ ยูเซ็ป (UCEP) มาเป็นการรักษาตามสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพของแต่ละบุคคล ว่า การออกประกาศเป็นอำนาจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการปลดโควิด-19 ออกจากภาวะฉุกเฉินตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล การประกาศออกมา ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รักษาแล้ว

นพ.จเด็จ อธิบายว่า การที่ใช้คำว่า “หมดสิทธิรักษาฟรี” ไม่ถูกต้อง ขอยืนยันว่ายังรักษาฟรีและรักษาฟรีทุกโรค ไม่เฉพาะแค่โควิด-19 ต้องทำความเข้าใจหลักการระบบสาธารณสุขของไทยก่อนว่า เมื่อเจ็บป่วยจะได้รับการรักษาพยาบาลตามสิทธิที่ตัวเองมี เช่น สวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม บัตรทอง ฯลฯ และ หากมีอาการฉุกเฉิน ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการที่ใกล้บ้านที่สุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน

นพ.จเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 สธ.ประกาศว่าการป่วยเป็นโรคโควิด-19 ถือเป็นเหตุฉุกเฉิน มาจนถึงช่วงการระบาดเดลต้า ที่ผู้ป่วยจะอาการรุนแรง เชื้อจะลงปอด ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จึงต้องประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินเพื่อให้รีบนำผู้ป่วยเข้าไปรักษาให้เร็วที่สุด ขณะนี้โรคโควิด-19 สายพันธุ์หลักคือเชื้อโอมิครอน ร้อยละ 80-90 ของผู้ป่วยแทบไม่มีอาการ สามารถรักษาตัวที่บ้านในระบบรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ได้ หรือมีเวลาเดินทางไปโรงพยาบาล ไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน ไม่มีเหตุที่ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ดังนั้น หากมีการประกาศให้โรคนี้ไม่เป็นภาวะฉุกเฉิน ผู้ป่วยก็สามารถไปรับการรักษาพยาบาลได้ตามระบบปกติ เช่น หากใช้สิทธิบัตรทอง จะมีหน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากเข้าระบบการดูแลแบบ HI สปสช.ก็ยังดูแลค่าใช้จ่ายให้เหมือนเดิม

นพ.จเด็จ กล่าวปิดท้ายว่า กรณีเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนนอกสิทธิสุขภาพของตนเอง ที่ผ่านมา ประชาชนสามารถไปได้เฉพาะในภาวะฉุกเฉินวิกฤต ซึ่งเมื่อโรคโควิด-19 ถูกประกาศว่าเป็นภาวะฉุกเฉิน ก็หมายความว่าผู้ป่วยสามารถไปรักษาในโรงพยาบาลประเภทนี้ได้ แต่หากต่อจากนี้ไปโรคนี้ไม่ได้ถูกประกาศว่าเป็นภาวะฉุกเฉินแล้ว ขอแนะนำให้ไปรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ในระบบของสิทธิสุขภาพตามระบบปกติ เพราะหากไม่มีอาการฉุกเฉินแล้วไป รพ.เอกชน ที่อยู่นอกระบบ กองทุนสุขภาพต่างๆ จะไม่ได้เข้าไปดูแลค่าใช้จ่ายให้

“ขอย้ำว่า การจะเข้ารับบริการใน รพ.เอกชน นั้น ให้ดูอาการเป็นหลัก หากป่วยเป็นโควิด-19 แล้วมีอาการฉุกเฉินด้วย เช่น มีไข้สูง หายใจไม่สะดวก หอบเหนื่อย ความดันต่ำ ไม่ค่อยรู้สึกตัว รู้สึกจะเป็นลม ก็สามารถเข้า รพ.เอกชน ที่อยู่นอกระบบได้ด้วยอาการฉุกเฉินวิกฤตนั้น ทางกองทุนสุขภาพของผู้ป่วยรายนั้นๆ จะตามไปดูแลให้ สรุปว่า ประชาชนถ้าป่วยด้วยโรคโควิด-19 หากไปเข้ารักษาตามระบบตามสิทธิสุขภาพของตนก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เหมือนเดิม แต่หากไปโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในระบบและไม่มีอาการฉุกเฉิน ทางกองทุนสุขภาพจะไม่ได้เข้าไปดูแลแล้ว” นพ.จเด็จ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend