PUBLIC HEALTH

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยข้อมูลล่าสุด เร่งรณรงค์รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 และเข็ม 4

วันนี้ ( 7 ก.พ. 66) นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดงานเสวนาวิชาการออนไลน์ ในประเด็น “ย้อนรอยโอมิครอนกับการใช้วัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นของประเทศไทย” ภายในงานมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณะบดี คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค สำหรับภาพรวมของงานเสวนาในครั้งนี้ เน้นกระตุ้นให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็ม 2 เข้ารับการฉีดกระตุ้นเข็ม 3 และเข็ม 4 เพื่อลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต จากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงกลุ่ม 608 หรือกลุ่มที่ยังไม่รับการฉีดวัคซีนและกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ส่วนในอนาคตนั้นยังคงต้องรอวัคซีนรูปแบบใหม่ ที่มีลักษณะคล้ายกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ที่จำเป็นต้องฉีดปีละ 1 ครั้ง

นายแพทย์สุวัฒน์ กล่าวว่า “จากการศึกษาวิจัยและเก็บข้อมูล ในกลุ่มของประชาชนชาวเชียงใหม่ประมาณ 6 แสนรายนั้น ภายใต้โครงการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ เพื่อการบริหารจัดการควบคุม การระบาดโรคโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เริ่มการระบาดในปี 2563-เดือนกรกฎาคม 2565 โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคม ปี 2565 ที่สายพันธุ์โอมิครอนระบาดหนักในประเทศไทย คิดเป็นร้อยละ 75% (สายพันธุ์เดลต้าอยู่ที่ร้อยละ 25%) นั้น สามารถลดการเสียชีวิตของผู้ติด และลดอัตราการเจ็บป่วยรุนแรง (ไม่ต้องเข้าไอซียู.และไม่ต้องใส่ท่อหายใจ)ในจังหวัดเชียงใหม่ได้คิดเป็นร้อยละ 80 (ช่วงโอมิครอนระบาดตั้งแต่เดือนกุภาพันธ์-เมษายน) สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนตั้งแต่ 2 เข็มเป็นต้นไป รวมถึงการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ และผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 3 (ป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 89%) และเข็ม 4 (ไม่พบการเสียชีวิตและไม่ใส่ท่อหายใจในผู้ติดเชื้อช่วงเวลา 3 เดือน)”

“ดังนั้นจึงขอรณรงค์ให้ผู้ที่ฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 แล้ว ควรไปฉีดวัคซีนเข้มกระตุ้นที่ 3 และ 4 เพื่อลดการเสียชีวิต และลดการใส่ท่อหายใจเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ประกอบกับปัจจุบันนั้นคนไทยฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือเข็มที่ 3 คิดเป็นร้อยละ 39 % ถ้าเทียบกับประชาชนชาวสิงคโปร์ และมาเลเชียที่คิดเป็นร้อยละ 60-70 % รวมถึงกลุ่ม 608 หรือผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เนื่องจากปัจจุบันประชาชน เช่นวัยทำงานและวัยรุ่น เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติมากขึ้น ดังนั้นในช่วงเดือนวันสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีการรวมกันของเครือญาติ ดังนั้นคนกลุ่ม 608 จำเป็นต้องรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ส่วนกลุ่มของบุคคลากรทางการแพทย์ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 5 และ 6 แล้ว ไม่จำเป็นต้องรับการฉีดวัคซีนเพิ่ม แต่หากเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคมะเร็งฯลฯ จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นต่อไปทุกๆ 6 เดือน ส่วนในกลุ่มคนปกติ ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ครบ 4 เข็มแล้วไม่จำเป็นได้รับวัคซีนเพิ่ม ส่วนในอนาคตนั้นยังคงต้องรอวัคซีนรูปแบบใหม่ ที่มีลักษณะคล้ายกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ที่จำเป็นต้องฉีดปีละ 1 ครั้ง”

Related Posts

Send this to a friend