บิลท์แลนด์ เปิดตลาดแนวราบทุกเซ็กเมนต์ มูลค่ากว่า 4,700 ล้าน
บิลท์แลนด์ ลุยปรับตัวสู่ทุกมิติงานอสังหาฯ เปิดตลาดแนวราบทุกเซ็กเมนต์ มูลค่ากว่า 4,700 ล้าน และโรงแรมอีก 1 แห่ง
บิลท์แลนด์ ปรับพอร์ตการพัฒนาธุรกิจครั้งใหญ่ ประกาศความสำเร็จปีที่ผ่านมาปิดได้ทุกโครงการ พร้อมงัดกลยุทธ์สร้างรายได้หมุนเวียน ด้วยการพัฒนาโรงแรม “Koo Hotel” และอาคารสำนักงาน “B Work” พร้อมลุยตลาดแนวราบเปิดตัว 6 โครงการ และพัฒนาอีก 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ MYRRA, TERRA และ LAKE TEMPO ผลักดัน ‘บิลท์ฮาร์ท’ ให้เติบโตด้วยธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ รอบด้าน โดยมีแหล่งเพาะพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่เพื่อซัพพอร์ตโครงการ ภายใต้แนวคิด ‘Built for Better Life by Built Land ครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความสุข คือ จุดเริ่มต้นที่ดี’
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมาได้ตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับบริษัท ได้แก่ อาคาร B Work ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน และ Co-Working & Event Space ย่านแจ้งวัฒนะ พร้อมกับพัฒนาโรงแรม Koo Hotel ซึ่งเป็น Stylish Budget Hotel เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้มาประชุมสัมมนาที่ Impact เมืองทอง
สำหรับปีนี้เรามีแผนเตรียมโรงแรมที่ 2 ย่านงามวงศ์วาน เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง และสำหรับธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อขายทางบิลท์แลนด์หันมาเจาะกลุ่มตลาดแนวราบ โดยเปิดตัวโครงการแนวราบให้ครอบคลุมทุก segment รวม 6 โครงการ และพัฒนา 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ MYRRA, TERRA, และ LAKE TEMPO ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ใหญ่ที่สุดย่านไทรน้อย บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ รวมทุกโครงการมีมูลค่ากว่า 4,700 ล้านบาท
นายวิฑูรย์ อภิวาทธนะพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้เราพร้อมลุยเปิดโครงการแนวราบทั้งสิ้น 6 โครงการ โดยเป็นแบรนด์เดิม 1 โครงการได้แก่ RITMO PARKVIEW (ริทโม พาร์ควิว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ) และอีก 5 โครงการ ภายใต้ 3 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ MYRRA 1 โครงการ, TERRA 3 โครงการ และ LAKE TEMPO ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยพัฒนามา ซึ่งแต่ละโครงการมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.แบรนด์ MYRRA บ้านในอุทยานไม้หอม โครงการบ้านเดี่ยวที่มาพร้อมกับการออกแบบ Layout โดยคำว่า MYRRA มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่แปลว่า ไม้หอม ทำให้ทุกโครงการเน้นประดับด้วยไม้หอมขนาดใหญ่-เล็กผสานกัน
2.แบรนด์ TERRA (Terrarium) โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ เน้นความเป็นส่วนตัวสูง โดยมีแนวคิดคือการจำลองระบบนิเวศของธรรมชาติไว้ในขวดแก้ว เสมือนการสร้างโลกสงบสุขเล็ก ๆ ส่วนตัว ซ้อนกับโลกใบใหญ่ที่วุ่นวาย
3.Lake Tempo เมกะโปรเจกต์ เป็นโครงการ Mix Used Residential ผสมผสานทั้งบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และวิลล่าริมน้ำ ถือเป็นโปรเจกต์ยักษ์ของบิลท์แลนด์ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ บนที่ดินแลนด์แบงก์ของบริษัท บริเวณอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มูลค่ากว่า 2,760 ลบ. มีแผนเปิดตัวปลายปี 2567 โดยขุดทะเลสาปขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ กลางโครงการ พร้อมเนรมิตทิวป่าสนให้เป็น Buffer Zone พร้อมด้วย Lake Plaza ซึ่งเป็น Shop Stand Alone อีกประมาณ 20 ร้านค้า
“คาดว่าทั้งโครงการ RITMO PARKVIEW และ TERRA HAUS ที่กำลังจะเปิดขาย จะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้อย่างแน่นอน ส่วน LAKE TEMPO ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดของเรา บนพื้นที่ย่านไทรน้อย เราจะค่อย ๆ ทยอยเปิดขาย คาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จภายใน 6 ปี และมั่นใจว่าจะเป็นโครงการฯ ที่ทำให้พื้นที่ไทรน้อยเป็นที่รู้จัก และกลับมามีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง” นายวิฑูรย์ กล่าว
นอกจากนี้ จากความสำเร็จของ B Work และโรงแรม Koo Hotel ซึ่งทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู สถานีศรีรัช ทำให้บริษัทฯ กำลังพัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์ Koo Hotel แห่งที่สอง ย่านงามวงศ์วาน เพื่อเตรียมรองรับจำนวนลูกค้าที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ บิลท์แลนด์ มุ่งสร้างการเติบโตแบบรอบทิศทาง คือ การพัฒนาธุรกิจหลัก และต่อยอดธุรกิจรองให้เติบโตไปอย่างแข็งแกร่ง โดยวางโครงสร้างให้การบริหารงานชัดเจนยิ่งขึ้น โดย บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทแม่ ซึ่งมีบริษัทลูกคือ บริษัท บิลท์แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ทำธุรกิจพัฒนาทั้งโครงการเพื่อขาย และเพื่อเช่า ส่วนบริษัท บิลท์ฮาร์ท จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร พร้อมพันธมิตรหลากหลายแขนง
“การวางโครงสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไปศึกษาตลาด ความต้องการของลูกค้า มองหาทำเลที่เหมาะสม และมองความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจ พร้อมนำศักยภาพและประสบการณ์ความเชี่ยวชาญต่าง ๆ มาพัฒนาองค์กร เพื่อต่อยอดสร้างโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบิลท์แลนด์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างชีวิตที่ดีภายใต้ความธรรมดาที่เป็นสุข โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการอยู่ได้จริงแล้ว ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนด้าน Ecosystem เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และคืนธรรมชาติให้กับระบบนิเวศด้วยการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แต่ละโครงการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเมืองที่” นายชัยรัตน์ กล่าวสรุป