AROUND THAILAND

‘จำนงค์’ พร้อมตัวแทนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เข้าประชุมร่วม พล.อ.ประวิตร

‘จำนงค์’ พร้อมตัวแทนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เข้าประชุมร่วม พล.อ.ประวิตร เสนอสถานการณ์เร่งด่วนเฉพาะหน้า รับกังวล ‘สุญญากาศทางการเมือง’ หวั่นความยุติธรรมมาถึงประชาชนช้า

วันนี้ (18 ม.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(กพร.) ทำเนียบรัฐบาล นายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ ที่ปรึกษาชาวเลเกาะหลีเป๊ะ พร้อมตัวแทนชาวเล ได้เข้าประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม

โดยนายจำนงค์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว The Reporters เกี่ยวกับประเด็นที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมในวันนี้ ประเด็นแรกจะนำเสนอว่าเรื่องชาวเล เกาะหลีเป๊ะ เป็นสถานการณ์เร่งด่วนเฉพาะหน้า ที่ตอนนี้มีการคุกคามคุณครู ชาวบ้าน แกนนำ และนักเรียน พร้อมนำเสนอผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการดำเนินการที่ล่าช้า

ประเด็นที่สอง คือการนำเสนอข้อมูลปัญหาของชาวเลโดยชาวเลที่เป็นผู้ประสบด้วยตนเอง จากที่ก่อนหน้านี้ได้รับรู้ข้อมูลผ่านสื่อต่าง ๆ ซึ่งจะนำเสนอให้เห็นตอนนี้ว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่สำคัญอย่างไร

ประเด็นที่สาม คือ ข้อมูลที่ส่งให้ถือเป็นกรอบกว้าง ๆ สำหรับให้เป็นแนวทางแก่คณะกรรมการ 3 ชุดคือ มีกรรมการชาวเล ที่นายกรัฐมนตรีแต่ง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นประธานขึ้นมาดำเนินการ, ทางฝ่ายคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยืนยันว่าจะมีการดำเนินการในฐานะกรรมการของสำนักนายกรัฐมนตรี และ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทั้งสามฝ่ายก็ควรที่จะมีการทำงานที่สอดประสานกัน

ในส่วนของคุณพีระพันธ์ุ นั้นชาวเลจะนำเสนอในส่วนของข้อกฎหมาย ที่เมื่อมีการพิสูจน์แล้ว จะไปเจอปัญหาที่เกี่ยวกับกรมที่ดินตามมาตรา 61 คือการเพิกถอน ซึ่งอำนาจอยู่ที่อธิบดีกรมที่ดินคนเดียวว่าจะดำเนินการหรือไม่ ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นจุดตายของทุกปัญหาที่จะจบตรงนี้ จึงอยากเสนอคุณพีระพันธ์ุว่าควรเตรียมรับมือเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในวันนี้ที่จะมีการประชุมกับพลเอกประวิตรนั้นก็เพื่อต้องการให้เห็นถึงภาพรวมของปัญหา มีการสั่งการที่กระชับ และมีกรอบที่ชัดเจน ทั้งกรอบของเนื้อหาและเวลาที่มีความเร่งด่วน

นายจำนงค์ ยอมรับว่า มีความกังวลในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงอยากปรึกษา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะมีทางไหนที่จะสามารถเดินหน้าเรื่องนี้ต่อได้แม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น การมีมติครม.ไว้ เพราะถ้าหากเกิดสุญญากาศทางการเมืองก็จะทำให้ความยุติธรรมมาถึงประชาชนได้ช้าและจะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก

ตอนนี้จึงคาดหวังว่า กรรมการทั้ง 3 ชุดจะดำเนินการให้เกิดหลักประกันระดับหนึ่ง เพราะไม่สามารถทอดทิ้งปัญหาของชาวเลกลุ่มนี้เหมือนที่ผ่านมาได้อีก

Related Posts

Send this to a friend